AFSer Thailand Webboard

AFS Talk => Everything => Topic started by: MNK! BRA#49 on December 09, 2009, 06:32:28 PM

Title: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: MNK! BRA#49 on December 09, 2009, 06:32:28 PM
หนึ่งปีที่ไม่เท่ากัน
รายงานโดย : หนูดี – วนิษา เรซ: วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เวลาหนึ่งปีมีค่าไม่เท่ากันสำหรับคนสองคน ไม่เท่ากันสำหรับคนสามคน และไม่เท่ากันสำหรับคนสิบคน แม้เวลาในปฏิทินจะเท่ากันก็ตาม

ตอนอายุสิบแปด หนูดีเคยได้รับสิทธิพิเศษที่เด็กไทยน้อยคนจะได้รับในวันที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษา แต่เด็กอเมริกันหรืออังกฤษได้ รับกันเป็นเรื่องธรรมดา นั่นคือ
คำอนุญาตให้เดินทางท่องเที่ยวหรือเรียนอะไรก็ได้เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม โดยยังไม่ต้องตรงดิ่งเข้ามหาวิทยาลัยในทันทีเหมือนเพื่อนๆ ที่จบพร้อมกัน

แนวคิดนี้เด็กฝรั่งเรียกกันว่า “Gap Year” หรือ “ หนึ่งปีระหว่าง ” ที่พวกเขามักออกเดินทางท่องโลก หรือไปลองทำงานในสาขาที่กำลังคิดจะเรียนต่อด้านนั้น หรือไปทำงานอาสาสมัครในประเทศโลกที่สาม โดยเด็กๆ และพ่อแม่หวังว่า ภายในเวลาหนึ่งปีที่ไม่ต้องถูกจำกัดด้วยระบบการศึกษา พวกเขาจะรู้จักตัวเองมากขึ้น รู้จักโลกมากขึ้น
และกลับมาตัดสินใจเลือกเรียนได้ในสาขาที่เหมาะกับตัวเองที่สุด

หลายครั้งพวกเขาพบว่า วิชาที่เคยคิดว่าอยากเร ียน เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้อยากเรียนขนาดนั้น ที่เคยคิดว่าชอบ เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น แถมพอเปิดหูเปิดตาเปิดโลกก็มองเห็นโอกาสใหม่ๆ อาชีพใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ได้เจอคนจากที่ต่างๆ ที่ให้คำแนะนำต่อชีวิตที่เป็นประโยชน์ต่อมาอีกในระยะยาว

หนูดีได้พบเพื่อนฝรั่งหลายคนที่ใช้ “Gap Year” เสียคุ้มเกินคุ้ม บางคนไปทำงานอาสาสมัครในเม็กซิโก แล้วกลับมาตัดสินใจสมัครเรียนหมอเพื่อกลับไปช่วยคนประเทศนั้น บางคนตัดสินใจเรียนกฎหมายเพื่อไปช่วยคนที่ถูกเอาเปร ียบ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยคิดเป็นทนายมาก่อน บางคนเรียนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะติดใจการเดินทางเข้าเสียแล้ว ชีวิตหลายคนเปลี่ยนไปในทางที่ดีหลังหนึ่งปีระหว่าง

นับว่าแม่ของหนูดีกล้ามากที่อนุญาตแบบนั้นในตอนนั้น เพราะแม่ไม่บังคับอะไรเลย บอกให้หนูดี "เต็มที่" กับการเดินทางของชีวิตบทใหม่ในครั้งนี้ ส่วนเพื่อนๆ แม่ก็ดูไม่ค่อยมีใครเห็นด้วยกับ “ วิธีเลี้ยงลูก ” แบบนั้น เพราะแทบทุกคนลงความเห็นว่า มันเป็นการเสียเวลาอย่างยิ่งไปเปล่าๆ หนึ่งปีโดยไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย

แต่จริงหรือ

ปีนั้นเป็นปีที่หนูดีลืมไม่ลงและมีผลกับการตัดสินใจของหนูดีตลอดมาอีกทั้งชีวิต ทำให้หนูดีเลือกเรียนในสิ่งที่เหมาะกับตัวเองที่สุดมาเรื่อยๆ ทำให้หนูดีเห็นโลกกว้างและเข้าใจ “ โลกแห่งความเป็นจริง ” ที่ชีวิตไม่ใช่แค่การทำการบ้านไปส่งครู หรือเห็นการทะเลาะกับเพื่อนรักเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในโลกอีกแล้ว หนูดีใช้เวลานั้นไปเรียนละคร เรียนร้องเพลง ไปทำงานอาสาสมัคร และไปฝึกงานแบบจริงจัง

หนึ่งในงานที่หนูดีได้ลองทำคือ การฝึกงานในโรงแรมห้าดาวโรงแรมหนึ่ง ซึ่งหนูดีต้องทำทุกอย่างตั้งแต่ขัดห้องน้ำไปจนถึงเช็ดรองเท้าให้แขก นี่เป็นคำแนะนำจากคุณแม่ค่ะ เพราะอยากให้ลูกสาวได้ลำบากเสียบ้าง และก็ได้ลำบากสมใจ แต่แถมความสนุกมาอีกเป็นกระบุง เพราะการได้ฝึกงานแผนกต่างๆ ตั้งแต่หลังบ้านไปจนถึงห้องทำดอกไม้ ทำให้หนูดีได้เห็นวิธีคิดของคนที่ต้องทำงานบริการให้ออกมาสมบูรณ์แบบทุกวินาที พลาดไม่ได้เพราะแขกจ่ายแพงมากก็หวังมาก เห็นกับตาถึงความเหนื่อยยากของคนที่อยู่ฟากของการให้บริการ จนกลายเป็นนิสัยติดตัวมาทุกวันนี้ว่า หนูดีมักจะให้ทิปเยอะไว้เสมอ

หนแร กที่ได้ทิปมาหนึ่งร้อยบาทนั้นน้ำตาแทบร่วง เพราะการรับใช้มันช่างเหนื่อยเหลือเกินค่ะ และพอมีคนเห็นค่าเร าก็หวั่นไหวได้ง่ายๆ ตอนแรกที่แม่ขอให้ฝึกงานนี้หนูดีก็ไม่เข้าใจ แต่พอได้ไปทำก็ซึ้งเลยว่า แม่อยากสอนอะไร จากเด็กที่มีแม่บ้านมาทั้งชีวิต พอต้องกลายเป็น “ แม่บ้าน ” เองก็ได้เหนื่อยสมใจแม่

ที่ขำก็คือ วันหนึ่งหนูดีขัดห้องน้ำใกล้กับล็อบบี้ ก็มีแขกผู้หญิงเดินเข้ามาหน้าคุ้นๆ ที่แท้คือ เพื่อนของคุณแม่ คุณน้าดูท่าทางงงมากถามว่า “ หนูดี หนูมาทำอะไรลูก ”
พอรู้หน้าที่ก็ขำใหญ่และยังเป็นเรื่องที่ขำกันได้จนทุกวันนี้ แม้เวลาผ่านมาประมาณสิบปีแล้ว

ชีวิตช่วงนั้นทำให้หนูดีเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงหัวใจของคนที่ทำงานให้หนูดีทุกคน ส่งผลใ ห้หนูดีไม่เคยขึ้นเสียงใส่พนักงา นแม้แต่คนเดียว ไหว้แม่บ้านและคนขับรถทุกคนก่อน และคิดด้วยหัวใจถึงเขาและครอบครัวในทุกครั้งที่ถึงช่วงขึ้นเงินเดือนประจำปี ไม่ได้ชั่งน้ำหนักแค่คำว่า “ ธุรกิจ ” เสมอไป จริงๆ แล้ว เทรนด์ที่พูดถึงคุณธรรมในการทำธุรกิจไม่ได้ใหม่ในความรู้สึกหนูดีเลย เพราะถ้าเจ้าของกิจการได้ลองพลิกบทบาทไปอยู่อีกฝั่งบ้าง คำว่า “ ความยุติธรรม ” จะผุดขึ้นมาในใจเองโดยไม่ต้องเข้าเรียนคลาส “Business Ethics” ที่ฮิตกั นนักหนาตอนนี้เลย และถ้าไม่เคยต้องยืนอยู่ในจุดนั้นด้วยตัวเอง หนูดีคงเข้าใจชีวิตผิวเผินกว่านี้อีกมาก

หนึ่งปีตรงนั้น ไปกระตุ้นต่อมความคิดสร้างสรรค์ของหนูดีเข้าอย่างจังอีกด้วย เพราะจากที่มีคนบอกว่า ต้องทำอย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ การบ้านต้องส่งเวลานี้ รายงานต้องทำหัวข้อนี้ กลายเป็นว่าโลกนี้เปิดกว้างและไม่มีใครกำหนดอะไรอีกแล้ว จริงๆ แล้ว เวลาไม่มีใครมาบอกว่าเราควรทำอะไรเป็นเวลาที่น่ากลัวที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเวลาที่ท้าทายที่สุดเช่นกันนะคะ

หนูดีเริ่มคิดโปรเจกต์ใหม่ๆ เริ่มวางแผนชีวิต เริ่มนั่งลงดูชีวิตตัวเองอย่างจริงจังก็ปีนั้น และที่ดีที่สุดก็คือ หนูดีเปลี่ยนสาขาที่คิดจะเรียนปริญญาตรีจริงๆ เสียด้วย ทั้งๆ ที่ไม่คิดเลยว่าจะเปลี่ยน ดังนั้นแทนที่จะรีบๆ เรียนให้จบๆ ไปสี่ปีแล้วต้องเสียเวลาไปฟรีๆ สี่ปีในชีวิตเพราะไปเรียนด้านที่ไม่ชอบอย่างแท้จริง กลายเป็นว่าหนูดีได้รู้ใจตัวเองในนาทีที่เดินเข้ามหาวิทยาลัยเลย หนึ่งปีที่ใช้ไปจึงแสนคุ้มค่า เวลาผ่านไปรวดเร็ว

และของแถมที่ได้มาก็คือ “ ความเป็นผู้ใหญ่ ” ที่ตัดสินใจเป็นตั้งแต่เป็นเด็กปีหนึ่ง เพราะหนึ่งปีนั้นคุณแม่ขอร้องให้ไปเรียนผสมเหล้าและชิมไวน์ วิชาที่ปกติลูกผู้หญิงคงไม่ได้เรียนกันเท่าไร แต่คำอธิบายของแม่ก็คือ ลูกสาวต้องรู้จักเหล้าจะได้ดูแลตัวเองเป็น เพราะบ้านเราไม่มีใครดื่มเหล้ากันเลย จากเด็กที่ไม่หยิบเหล้ากลายเป็นรู้จักและผสมเป็นทุกอย่าง รู้อีกด้วยว่าดื่มอย่างไรถึงไม่เมา เหล้าอะไรมีไว้มอมผู้หญิง (แน่นอนค่ะ ครูของหนูดีซึ่งเป็นผู้ชายใจดีวัยกลางคนรีบสอนเรื่องนี้กับนักเรียนสาวๆ เป็นอย่างแรกด้วยความเป็นห่วงพวกเรา) หนูดีรู้ราคาต้นทุนของเหล้าทุกแก้ว ทำให้ยิ่งไม่อยากดื่มเข้าไปใหญ่ และพอไปเรียนต่อต่างประเทศเลยได้วิชาที่แม่ให้ไปเรียนเล่นๆ เพื่อให้รู้
มาหารายได้พิเศษเสียเลยด้วยการเป็นบาร์เทนเดอร์และพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารไทย ทำให้ชีวิตมหาวิทยาลัยต่างแดนกลายเป็นเรื่องแสนสนุก ได้เพื่อนใหม่ๆ ในร้านอาหารไทยที่ยังคบกันจนทุกวันนี้ แถมได้เงินพิเศษขนาดบางเดือนจ่ายค่าเช่าบ้านได้เลยค่ะ

น่าเสียดาย หลายครั้งที่หนูดีเห็นพ่อแม่ไทยรีบบังคับให้ลูกๆ รีบเรียนให้จบ พอจบปริญญาตรีก็ให้รีบต่อปริญญาโท จบแล้วให้รีบทำงาน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เห็นโลกกว้างเท่าไรเลย ทำงานไม่เท่าไรก็รีบแต่งงานมีลูกกันเสียแล้ว แล้วคราวนี้พอมีลูก ก็ยาวแล้วค่ะ เพราะการมีลูกคือ งานที่มีอายุประมาณยี่สิบปีอย่างต่ำ ลาออกไม่ได้เสียด้วย หนูดีคิดว่า หนูดีอยากเห็นเด็กไทยมีโอกาสได้รับสิทธิพิเศษของการใช้ “ หนึ่งปีระหว่าง ” เพื่อปรับเข็มทิศ เช็กมุมมองชีวิต ทำความรู้จักโลกที่กว้างกว่าบ้านกับห้องเรียน โดยไม่ต้อง
รู้สึกผิด ว่าเขาโยนเวลาทิ้งไปเปล่าๆ หนึ่งปีดูบ้าง ทั้งๆ ที่ความจริงการรีบร้อนวิ่งเข้ามหาวิทยาลัยโดยไม่รู้จักตัวเองอาจทำให้เขาโยนเวลาทิ้งไปเปล่าๆ สี่ปีเหมือนกับเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย

หนึ่งปีนั้นยังส่งผลให้หนูดีเป็นมิตรกับการเดินทางเรียนรู้รอบโลกมาจนทุกวันนี้ ทำให้หนูดีเห็นโลกนี้เป็นเหมือนห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ห้องใหญ่ที่ค้นคว้าอย่างไรก็ไม่จบสิ้น ตื่นเต้นได้ทุกๆ วัน หนึ่งปีของแต่ละคนไม่เท่ากันจริงๆ ค่ะ แล้วหนึ่งปีของคุณผู้อ่านมีความยาวเท่าไหนคะ.



credit : soccersuck
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ่มที่ได้อ่าน)
Post by: colorday on December 09, 2009, 07:14:31 PM
เจ๋ง !
1ปีที่เราไปใช้ชีวิตในต่างแดน ก็ใช้กันให้คุ้มนะคะ ^^

ขอบคุณสำหรับบทความค่ะพี่มิ้ง  :D
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ่มที่ได้อ่าน)
Post by: FOLKINHO:bra49# on December 09, 2009, 07:30:01 PM
ใช้ให้คุ้ม!
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ่มที่ได้อ่าน)
Post by: SÁHsinha ;D on December 09, 2009, 07:33:09 PM
แปะไว้ก่อน

ว่างๆจะอ่าน
ฮ่า!
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ่มที่ได้อ่าน)
Post by: ลิลลี่บราซิลสี่เก้า on December 09, 2009, 07:43:39 PM
อ่านแล้วรู้สึกดีที่ วันนั้นตัดสินใจมาสมัครสอบ
รู้สึกดีมากๆ ล่ะ

ที่จะได้มีหนึ่งปี กับเขาบ้างเสียที

ใช้ให้คุ้ม และจงตื่นเต้นในทุกๆวันค่ะ
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ่มที่ได้อ่าน)
Post by: Ashley HUN#49 on December 09, 2009, 08:15:36 PM
อยากมี gap year มั่งอะไรมั่ง ๕๕๕๕๕
มันดูน่าสนุกดีอ่ะ

เอาเป็นว่าเอาไปใช้ตอนไป AFS นี่ล่ะเนอะ :]
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ่มที่ได้อ่าน)
Post by: คำเอื้องUSA49 on December 09, 2009, 08:18:16 PM
ไม่เสียใจเลย กับ1 ปี ที่หาไม่ได้อีกแว้วววววววววววววววววววววววว
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: ฃื่อปั๊บคับ นอร์เวย์ คับ on December 09, 2009, 09:47:44 PM
รู้อ่ะแหละว่า Gap Year คืออะไร

และคิดอยู่ว่าจะลองมีดีมั้ย

แต่คิดว่าเราคงไม่มีทรัพย์พอจะทำอะไรแปลกๆยังงั้นหรอก
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: [DE(AR]G49) on December 09, 2009, 10:31:22 PM
ถ้ามีเงินเราก็อยากจะลองหรอกนะ  :th_104_:

แต่คิดว่ารีบเรียนให้จบมีงานทำให้พ่อแม่เห็นดีกว่า

"พ่อ-แม่จะจากไปตอนไหนก็ไม่รู้" << คำที่แม่เราเคยบอก  :th_080_:

Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: <<KOunxEL>>Dom#48 on December 09, 2009, 11:21:27 PM
cool

หนึ่งปีได้เห็นอะไรตั้งเยอะ

คุ้มมมมม!!
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: jckie on December 10, 2009, 12:04:36 AM
เจ๋ง...ใช้ให้คุ้ม ๑ ปี
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: [G] u i t a [R]*48 สวีเดนจ้ะ :) on December 10, 2009, 01:03:21 AM
เคยอ่านในฟอเวิดเมล ดีมากมายอะ ชอบๆ
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: Taylor on December 10, 2009, 01:09:27 AM
อืม อ่านแล้ว ยาวจริงๆ มองลงมาข้างล่างนิดนึง

Credit:Soccersuck.com

เอ๊งเข้าไปอ่านข่าวบอลแล้วเจอใช่ไม๋!!!!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ


ล้อเล่นนะ




พี่ขอGap year ซะสามสิบ สี่สืบปีจะได้่ไม๋เนี่ย
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: Hin USA~MO on December 10, 2009, 07:13:55 AM
ยังไม่รู้เลยจาทำอาไร  อิอิ
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: MNK! BRA#49 on December 10, 2009, 10:27:34 AM
อืม อ่านแล้ว ยาวจริงๆ มองลงมาข้างล่างนิดนึง

Credit:Soccersuck.com

เอ๊งเข้าไปอ่านข่าวบอลแล้วเจอใช่ไม๋!!!!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ


ล้อเล่นนะ




พี่ขอGap year ซะสามสิบ สี่สืบปีจะได้่ไม๋เนี่ย

อย่าแซวสิ
ฮ่าๆ ๆ
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: tannoiz on December 10, 2009, 04:13:57 PM
ตอนนี้พี่ก็GAPอยู่นะ


ลั้ลลาที่สวิส  แต่เพื่อนๆเอนท์ติดกันหมดแล้ว  -*-"


แต่....don't even care!
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: Bowwy.Milove :']]♥PER#49 on December 10, 2009, 04:45:27 PM
อยากมีจังเล้ยยย Gap year
จริง ๆ แล้วตอนนี้ กำลังจะมี Mini gap year กับเปรู
ขอค้นหาตัวเองใน Mini gap year ก่อนแล้วกัน
ถ้ายังไม่เจอ ก็ขอลุยต่อใน Gap year เลย !
5555555555555555555555555555
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: PP'ARG#49 on December 11, 2009, 08:07:42 PM
ดีอะๆๆ
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: superJR ♥ ITA48 on December 12, 2009, 01:31:14 AM
if i will ask my dad abt having gap year,
i think he will propably kill me for sure.
5555555555
Title: Re: Gap Year" คืออะไร (ยาวหน่อย แต่คุ้มที่ได้อ่าน ,, จริงๆนะจ๊ะ)
Post by: Taylor on December 12, 2009, 05:21:25 AM
If this exchange year is Gap year.

so I know what I want!Now!


I don't wanna study anymore!!!!


ahhahahahah