พี่เสือมองข้ามชอทไปหน่อยนึง แต่ผมมองในระยะสั้น เพราะอนาคตอะไรไม่แน่ไม่นอน อุกกาบาตอาจจะตก น้ำอาจจะท่วมโลกเมื่อไร ไม่มีใครรู้ แล้ววิกฤติเศรษฐกิจ สงคราม ก็อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ ดังนั้น ผมว่าการมองในสิ่งที่เป็นปัจจุบัน แล้วทำอะไรที่เราเห็น ๆ อยู่ว่ามันสร้างงาน สร้างเงินได้ ควรจะทำก่อน แล้วพอถึงเวลาที่เราอยู่ตัวแล้วอยากทำธุรกิจของตัวเอง ก็ค่อยตัดสินใจ เพราะการจะสร้างธุรกิจด้วยตนเองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าคุณไม่เจ๋งจริง แล้วเงินทุนคุณไม่หนาพอ คุณไปสู้ Monopoly ในตลาดไม่ได้อย่างแน่นอน
ขอบคุณสำหรับข้อคิด และแนวทางดีดีให้น้องๆนะครับไมค์ แต่สิ่งที่ต้องการสื่อคือ ไม่ใช่ให้เลือกคณะที่ตัวเองไม่ได้ชอบแต่เลือกเพราะว่าเค้าบอกมาอย่างนี้ งานอินเทรนด์ในโลกสากลอย่างนั้น
ใช่ครับเป็นเจ้าของกิจการ ถ้าไม่เจ๋งจริงเป็นไม่ได้ เหมือนกับอาชีพทุกอย่างแหละครับ ถ้าเราไม่เจ๋งจริงเราก็ทำงานไปวันๆเท่านั้นแหละ ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ หมอผ่าตัด หรืออาชีพNew Media
ใช่อยู่ว่าอะไรมันทำเงินได้ดีตอนนี้ มันก็เหมือนโอกาสที่เราควรเข้าไปทำงาน ......ถ้าเรามีความสามารถหรือมีความชอบ ไม่ได้ห้ามหากใครอยากทำงานในสาขาต่างๆที่อยู่ในเทรนด์แรงปี 2010s เพราะแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน และมันก็ดีออกที่งานนั้นมีความต้องการของตลาดสูง
อย่างที่บอกอนาคตอะไรไม่แน่ไม่นอน อุกกาบาตอาจจะตก น้ำอาจจะท่วมโลกเมื่อไร ไม่มีใครรู้ แล้ววิกฤติเศรษฐกิจ สงคราม ก็อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าปีหน้ามันจะยังอินเทรนด์อยู่
หากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เป็นที่นิยมเมื่อปี2006 อ่ะเราก็เข้าไปเรียนคณะการท้องเที่ยว การโรงแรม หรือคณะสายภาษาจะได้ไปเป็นไกด์ หรือล่าม ด้วยเหตุผลที่ว่าจบมาเราจะได้มีงานดีดี เงินเยอะ ไม่ตกงานแน่นอน ก็เข้าไปเรียน4ปี ระหว่างนั้น ประเทศไทยเกิดวิกฤติการณ์ทางการเมือง จนกระทั่งปี 2010 เดือนมีนาคม ทุกคนที่เข้าเรียนปี2006 เรียนจบเริ่มหางาน จะพบว่าตัวเองไม่มีงานทำ ไม่มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ แค่คนไทยยังไม่กล้าเที่ยวไทยเลย อาจจะกลายเป็นสาขาที่แย่ที่สุดก็ได้ ......ดังนั้นอนาคตไม่มีอะไรที่แน่นอน
แต่สิ่งที่อยากจะฝากให้ลองคิดดูคือ ถ้าน้องมีโอกาสเลือกได้ อยากให้เลือกสิ่งที่ชอบมากกว่า ตัวอย่างเช่น ตูนบอดี้แสลม เรียนจบนิติศาสตร์ ไปเป็นสจ๊วตเงินเดือนเหยียบแสน (ก็เหมือนโอกาสที่เข้ามาในชีวิตและคว้าไว้) ทำงานได้เดินทางไปที่ต่างๆ แต่เค้าเลือกที่จะทำในสิ่งที่เค้าชอบที่สุด ทำสิ่งที่เค้าฝัน คือเล่นดนตรี หากตูนเลือกทำงานที่รายได้ดีต่อไปเรื่อยๆอย่างนี้ วันนี้เราคงไม่มีบอดี้แสลม
เมื่อคนเราทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ตัวเองชอบ เราจะมีแรงในการค้นคว้าหาความรู้ แรงในการพัฒนาทักษะ อย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แต่หากเราทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ค่อยชอบเท่าไร พอทำได้แหละ ทำแค่ชั่วโมงเดียวก็คงรู้สึกเหนื่อยเหมือนหนึ่งวัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่พี่ได้เรียนรู้จากที่Office ได้เห็นคนที่ทำในสิ่งที่ชอบ และมีความก้าวหน้าในอาชีพการงาน และได้เห็นคนที่ฝืนอยู่ในบริษัท เพียงเพราะว่าเงินเดือนมันสูงกว่าที่อื่น
และอีกอย่างนึง อาชีพบางอาชีพนั้น ไม่ได้คิดว่าอยากจะทำก็ทำได้ทันที เช่น เราคิดว่า Industrail Design เป็นอาชีพที่มีความก้าวหน้าดี งานเยอะ แต่พอเรียนจบสถาปัตย์พบว่าจริงๆแล้วลึกๆ เราอยากเป็นหมอศัลยกรรมผ่าตัด(Dermatology, Plastic Surgery) ....... เราก็ต้องไปเรียนแพทยศาสตร์6ปี บวกเฉพาะสาขาศัลยกรรมอีก1-2ปี ซึ่งกว่าจะเริ่มทำงาน อายุก็จะ30 กว่าๆ ดังนั้นไม่ได้บอกว่าอาชีพ6อาชีพข้างบนไม่ดี มันน่าสนใจ แต่อย่าเลือกเพราะว่ามีคนบอกว่า เรียนสาขานี้แหละ รุ่งเรืองแน่นอน คุณคิดว่า คนมันจะรุ่งเรือง ปัจจัยอยู่ที่ ตัวเอง หรือว่า สาขาที่งานตัวเองทำมากกว่ากันล่ะครับ
ปรัชญาในชีวิตของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนอาจใช้ชีวิตเพื่อหาเงิน แต่ในขณะที่บางคนอาจใช้ชีวิตเพื่อหาความสุข มันเป็นทางเลือกของน้องๆเอง
ขอบคุณน้องไมค์ที่หาข้อมูลหาเผยแพร่ แต่ข้อมูลนี้น่าจะเป็นช่วยให้น้องๆที่มีความสนใจและชอบอยู่ในสาขาเหล่านี้อยู่แล้ว ได้มีความมั่นใจกับอนาคตในการทำงานของเค้ามากกว่า ที่จะเป็นปัจจัยในการตัดสินใจเลือกทั้งๆที่ไม่ได้มีความสนใจมากกว่านะครับ