Author Topic: สนั่น อังอุบลกุล เลือด AFS เข้มข้น  (Read 2412 times)

0 Members and 2 Guests are viewing this topic.

Offline Prusito

  • AFSer Legendary
  • *
  • Posts: 66
  • Exchange In: Panama
  • Generation: #41 (2002-2003)
ข่าวในmanager เห็นว่าพอเกียวกับพวกเราบ้าง เลยเอามาให้อ่านกัน

อยากให้อ่านแล้วก็คิดด้วยว่าจะต่อยอดให้มันดีขึ้นอย่างไร จะพัฒนาอย่างไร
รุ่นพี่ๆ เค้าทำชื่อเสียงเอาไว้ให้แล้ว หน้าที่ของเราคือทำให้มันดีขึ้นไปอีก

http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9530000135765&#Opinion

“ ผมได้ดีทุกวันนี้ เ พราะเป็นนักเรียนทุนAFS ”
       สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการบริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ มักจะเอ่ยคำนี้กับทุกคนที่ถามว่าเบื้องหลังแห่งความสำเร็จในชีวิตของเขานั้นเริ่มต้นมาจากอะไร??
       และไม่ว่างานบริหารอาณาจักรพันล้านของศรีไทยซุปเปอร์แวร์จะหนักหนาเพียงใด แต่สนั่นก็ยังเจียดเวลาที่เหลืออันน้อยนิดให้กับการรับตำแหน่งประธานมูลนิธิเอเอฟเอสประเทศไทย โดยตั้งใจว่าจะมอบโอกาสดี ๆ ที่เขาเคยได้รับจากมูลนิธินี้ส่งต่อให้เด็กรุ่นหลังบ้าง
       AFS International Organization เป็นทุนการศึกษาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมในโรงเรียนมัธยม มีจุดกำเนิดที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และก่อตั้งในเมืองไทยเมื่อปี 2505 ในยุคนั้นเด็กนักเรียนมัธยมปลายทุกคนต่างใฝ่ฝันที่จะสอบทุนนี้เพื่อจะได้มีโอกาสไปเรียนยังต่างประเทศ สนั่นก็เช่นกันในปี 2508 เขาสามารถสอบเป็นนักเรียนทุนนี้ได้ซึ่งถือเป็นรุ่นที่ 4 และเดินทางไปใช้ชีวิต 1 ปีที่มลรัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา
       1 ปีที่เป็นทูตวัฒนธรรมโดยอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมชาวอเมริกันซึ่งเป็นอาสาสมัครนั้น สนั่นแสดงถึงวัฒนธรรมของไทย ซึ่งนอกจากจะมีโอกาสขึ้นเวทีพูดตามชุมชนเล็ก ๆ หลายแห่งแล้ว เขายังเผยแพร่ควาเมป็นไทยผ่านการรำไทย หรือทำกระทงเพื่อใช้ในประเพณีสงกรานต์ให้ประจักษ์แก่สายตาของฝรั่งอีกด้วย
       สนั่นเล่าถึงประสบการณ์ที่ประทับใจระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่อเมริกาว่า ในปีนั้นอาภัสรา หงสกุล ตัวแทนสาวไทยที่บินไปประกวดที่รัฐฟลอริด้าคว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลมาได้ เขาได้รับเชิญจากชุมชนในฐานะนักเรียนทุนAFSจากเมืองไทยให้ไปต้อนรับอาภัสราที่เดินทางมาเยือนในชุมชนนั้นด้วย ซึ่งนับเป็นเกียรติมากสำหรับเขา
       “ สิ่งที่ได้กลับมาคือความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ที่สำคัญคือการเข้าใจถึง Globel Citizen โดยเราไม่รู้ตัว กลายเป็น “พลโลก” ตั้งแต่เด็กโดยไม่รู้ตัว มีความเข้าใจหลักคิดแบบสากล และที่สำคัญคือทำให้เราเข้าใจและรู้ทันฝรั่งว่าพวกเขาคิดอย่างไร ”
       ถึงแม้เมื่อตัวสนั่นเองมารับหน้าที่ประธานมูลนิธิ เขาก็สอนสั่งนักเรียนรุ่นหลัง ๆ เสมอว่าการไปเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกมานั้น ควรจะเลือกแต่สิ่งที่ดีและเข้ากับวัฒนธรรมของเมืองไทย ส่วนอีกหลาย ๆ อย่างที่เข้ากับวัฒนธรรมของเมืองไทยไม่ได้ก็อย่านำกลับมาใช้
       ขณะที่ผู้ปกครองทุกคนจะพอใจกับความเปลี่ยนแบบbefore กับ after คือคนไทยนั้นจะเลี้ยงลูกแบบดูแลอย่างใกล้ชิดชนิดที่พ่อแม่ทำให้ทุกอย่าง แพอเด็ก ๆ ไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญะรรมซึ่งเป็นครอบครัวอุปถัมภ์นั้นจะเลี้ยงแบบตะวันตกคือให้เด็กได้ช่วยเหลือตัวเอง ดังนั้นหลังจากลูกกลับมาจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้นกว่าที่เคยเป็น ซึ่งโอกาสเช่นนี้มีเงินก็หาซื้อไม่ได้
       
       เมื่อก่อนนี้นักเรียนทุน AFS จะได้รับสนับสนุนจากองค์กรAFSในนิวยอร์ก จนภายหลังเมื่อเศรษฐกิจโลกไม่ดี AFS นิวยอร์กจึงมีปัญหาหนี้สินจนไม่สามารถส่งเงินช่วยเหลือAFS ประเทศอื่น ๆ ได้ ในที่สุดด้วยการรวมตัวของคนไทยกลุ่มหนึ่งจึงก่อตั้งมูลนิธิเอเอฟเอส ประเทสไทยขึ้นโดยมีสนั่น เป็นประธานมูลนิธิสืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้



       จากลูกหม้อAFS สนั่นมุ่งมั่นสานต่อการทำงานให้องค์กรนี้ให้มั่นคงอย่างยั่งยืน โดยใช้หลักการบริหารองค์กรมาใช้กับมูลนิธิ เนื่องจากในแต่ละปีมีเด็กนักเรียนสนใจมาสมัครสอบมากถึง 14,000 คน แต่ทางมูลนิธิมีเงินทุนส่งไปเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
       “ เมื่อก่อนพวกรรมการของมูลนิธิจะต้องไปขอเงินบริจาคจากบรรดานักธุรกิจทั้งหลายเป็นใช้เป็นสปอนเซอร์ส่งนักเรียนที่สอบได้ไปเมืองนอก แต่นาน ๆ เข้าก็เริ่มขอทุนยากขึ้นเรื่อย ๆ นี่คือความจริงของการทำงานแบบองค์กรการกุศล ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปมูลนิธินี้จะต้องปิดตัวลงไปในที่สุด ”
       ดังนั้นสนั่นจึงเริ่มคิดใหม่ “ ผมมาคิดว่าถ้าเราหาเงินให้มีรายรับมากกว่ารายจ่ายโดยไม่ผิดอุดมการณ์ของมูลนิธิที่ไม่แสวงหาผลกำไร แต่เราจะนำเงินส่วนเกินไปพัฒนาทั้งคุณภาพและ เพิ่มความเข้มแข็งให้กับมูลนิธิจะทำให้มูลนิธิสามารถทำประโยชน์ให้สังคมได้มากขึ้น โดยทำอย่างโปร่งใส และถ้าสุดท้ายแล้วถ้าเราปิดตัวลงเราจะนำเงินทั้งหมดที่เหลืออยู่มอบให้กับมูลนิธิสายใจไทย ”
       จากนั้นมานักเรียนAFS จึงมี 2 ประเภทคือนักเรียนสอบชิงทุนกับนักเรียนที่จะต้องจ่ายเงินสนับสนุนจำนวนหนึ่ง วิธีนี้จะเปิดโอกาสให้ความฝันของนักเรียนทั้งหลายได้เป็นจริง เพราะปัจจุบันAFSสามารถส่งนักเรียนไปเรียนต่อยังประเทศสมาชิก 42 ประเทศทั่วโลก จำนวนถึงปีละ 700 คน จนถึงปัจจุบันมีนักเรียนจากทุนนี้ประมาณ หมื่นกว่าคน
       หนี่งในจำนวนนั้นคือการเปิดโอกาสเด็กนักเรียนมุสลิมจาก 3 จังหวัดภาคใต้จำนวน 25 คนได้มีโอกาสเดินทางไปเรียนยังต่างประเทศด้วยทุนมูลนิธินี้เช่นกัน ซึ่งกว่าจะส่งเด็กจำนวนนี้ไปได้ทั้งสนั่นและกรรมการทุกคนต้องระดมกำลังเพื่อติวการเด็ก ๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกเป็นเวลา 1 สัปดาห์
       “ชีวิตนี้ผมภูมิใจและมีความสุขมากที่สามารถให้โอกาสดี ๆ กับเด็กทางภาคใต้ที่ด้อยโอกาส”
       ประธานมูลนิธิ AFS ยังบอกเล่าอย่างภาคภูมิใจถึงความผูกพันระหว่างนักเรียน AFS ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศนั้นมีอยู่ในสายเลือดของทุกคน
       “ นักเรียนทุน AFS ส่วนมากถูกฝึกให้มีจิตอาสา ตอนที่เกิดสึนามิทางภาคใต้ พวกเด็กนักเรียน AFS ก็รวมกลุ่มกันลงไปช่วย หรือตอนที่มีงานลูกเสือโลกนั้นก็ได้เด็กนักเรียนAFSอาสาไปเป็นล่ามแปลให้”
       แต่บทบาทในการทำงานของประธานAFS คนนี้ยังไม่หยุดยั้ง ก้าวต่อไปคือการสร้างเน็ตเวิร์กกับAFSทั่วโลก โดยการให้ความช่วยเหลือแก่บรรดาAFSหลาย ๆ ประเทศทั้งเงินบริจากและการให้ความรู้ บ่อยครั้งที่มีAFSจากต่างประเทศที่มาดูงานในเมืองไทยเพราะระบบของเมืองไทยเข้มแข็งนั่นเอง
       ล่าสุดสนั่นเล่าอย่างภาคภูมิใจว่าAFS เมืองไทยได้มีโอกาสไปช่วยรัฐบาลจีนจัดตั้งAFS และปัจจุบันเด็กนักเรียนAFSของไทยก็นิยมเลือกไปเรียนที่จีนมากขึ้น รวมถึงประเทศอินเดียที่เคยยุบองค์กรนี้ไปแล้วก็กลับมาดำเนินการใหม่ด้วยการสนับสนุนด้าน Know How จากAFSประเทศไทย
       “ ถึงวันนี้ถือว่าเราเป็นองค์กรที่เข้มแข็งมากจนได้รับการโหวตจากสมาชิกทั่วโลกให้เป็น the best of the world มา 3 ปีติดต่อกัน”
       จากการทุ่มเททำงานให้กับมูลนิธิ ล่าสุดนั่นจึงได้รับรางวัลAFS President’s Award ซึ่งเป็นรางวัลเชิดชูเกียรติแก่บุคคลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อองค์การ ด้วยการอุทิศตนและเสียสละอย่างต่อเนื่อง โดย สมาชิกเครือข่ายทั่วโลกเป็นผู้ประเมิน
       และนั่นคือผลตอบแทนจากการทุ่มเทแรงกาย แรงใจและกำลังทรัพย์เพื่อให้กับมูลนิธิ AFS ซึ่งครั้งหนึ่งเคยให้โอกาสเขาก้าวมาสู่จุดสูงสุดของชีวิต
       
Porque nunca sabes lo que tienes
hasta que lo pierdes
lamentablemente nunca vuelve

Offline pichza

  • AFSer Senior
  • *
  • Posts: 260
  • Gender: Female
    • My Facebook
  • Exchange In: Brazil
  • Generation: #50 (2011-2012)
อ่านแล้วขนลุก
รุ่นบุกเบิก ที่ทำให้พวกเราได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน ณ ปัจจุบัน :)
จะทำัตัวไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียงประเทศไทย  :azn:

ขอบคุณค่ะ :D
it's all right letting your self go , as long as you can get your self back :))

Brazil #50  :D

Offline 'น้ำมนต์' ♥ HUN#50 >v<

  • AFSer Freshmen
  • *
  • Posts: 36
  • Exchange In: Hungary
  • Generation: #50 (2011-2012)
ขนลุกเหมือนกันค่ะ!

ขอบคุณที่ให้โอกาสดีๆกับพวกเรานะคะ
สัญญาค่ะ ว่าจะใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุด ^^
โลกไม่ได้หมุนเร็วขึ้น.. แล้วทำไมเวลามันผ่านไปเร็วจัง ??
.
.
.

♥ HUNGARY ♥ HUNGARY ♥

Offline nneen

  • AFSer Junior
  • *
  • Posts: 220
  • go go Raider
    • My Facebook
  • Exchange In: United States
  • Generation: #49 (2010-2011)
wow!!!!!!!

He is a spirit guy.
not so far to the destination...the end almost come, everything will be paid back

นีรเก้าเดือนเอื้อง <3 เทเลทับบี้