Author Topic: ติดตัวจริงเมกา แต่อยากเป็นหมอ?  (Read 10849 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline AUDY AFS#48 USA

  • AFSer Graduate
  • *
  • Posts: 562
  • Gender: Female
  • Exchange In: United States
  • Generation: #48 (2009-2010)
คือจริงๆแล้วน่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา
การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหนึ่งปี ก็ไม่ได้ทำให้เราเอ็นท์ไม่ติด
ในขณะเดียวกันการเรียนอยู่ที่นี่ต่อเนื่องก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะเอ็นท์ติดแน่นอน
จริงรึเปล่า? เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับตัวน้องแหละค่ะ

พี่ก็ไปอเมริกามาเหมือนกัน รุ่น48 ค่ะ อยากเป็นหมอเหมือนกัน
ก่อนไปก็กังวลนะ กลัวกลับมาแล้วไอ้ที่เรียนมาจะหายเกลี้ยงหัว(ซึ่งหายไปจริงๆ 555)

เออแล้วน้องอยู่ม. อะไรอ่ะ
ตอนพี่ไปพี่อยู่ม.6 กลับมาซ้ำม.6 เทอม2 ส่วนเทอม1เรียนพิเศษ - -"
อ่านหนังสืออ้วกแตก สุดท้ายก็ได้สิ่งที่ต้องการ คุ้มค่ามากๆ
ได้พิสูจน์ว่าไป AFS หนึ่งปี ใครว่าจะต่อคณะทางวิทย์ไม่ได้
ใครว่าเด็ก AFS สุดท้ายก็ต้องเข้าม.เอกชน
...ไม่จริง...

พี่ติด คณะแพทยศาสตร์(ศิริราช) ม.มหิดล
คณะจิตวิทยา จุฬา
ซึ่งจะเอาแพทย์อ่ะนะคะ :)

กลับมาจากอเมริกาไม่ใช่แค่เห็นเพื่อนๆจบไปต่อหน้าต่อตา
แต่กลับมาไม่เจอเพื่อนเลย - -"
แต่ไม่เป็นไร เราหาเพื่อนใหม่ได้จริงมั้ย? เพื่อนที่เราเคยมีก็ยังเจอกันได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีก
สำหรับพี่ การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็น 1ปีที่ดีที่สุดในชีวิต
เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะไม่มีวันลืม
และถ้าไม่ได้เป็นจะเสียดายมากๆ
น้องไม่ได้เสียเวลาไปหนึ่งปี น้องได้เวลามาหนึ่งปีนะคะ
ถ้าไม่ได้ไปต่างหากถึงเสียไปหนึ่งปี (ก๊อปเค้ามาอีกที 555)
ตัดสินใจดีๆค่ะ สู้ๆ :)
AFSer#48 USA,,NYC,,Northeast Ohio
[email protected]
I ♥ GUITAR - - - I ♥ YUI - - -  I ♥ AFS

Offline MINDY❤

  • AFSer Junior
  • *
  • Posts: 149
  • มายด์ดี้จะไปอเมริกา ~
  • Exchange In: United States
  • Generation: #50 (2011-2012)
เราก็อยากเป็นหมอค่ะ แล้วก็จะกลับมาซ้ำด้วย
เราเคยบอกพี่คนนึงว่า เนี่ย ไม่อยากซ้ำชั้น เสียเวลา อยากรีบเรียนให้จบ
พี่เค้าถามเราว่า "แกจะรีบไปไหน บ้านแกยากจนมากขนาดต้องรีบเรียนให้จบ หาเงินมาให้พ่อแม่ใช้หนี้มั๊ย"
หลังจากนั้นเราก็คิดได้ แล้วก็ไม่เคยคิดว่าการซ้ำชั้นเป็นเรื่องเสียเวลาเลย
ยิ่งพ่อเพื่อนเราบอกว่า ถ้าเราใช้เวลาหนึ่งปีให้เป็นประโยชน์ อ่านหนังสือทบทวน
ไม่ใช่แค่เราจะไม่เสียเวลา เราจะได้เวลาในการทบทวนบทเรียนหนึ่งปี พร้อมกับได้เปิดโลกกว้างไปพร้อมๆกัน
เป็นอะไรที่คุ้มค่ามากที่สุดแล้ว :D

Offline daw GER(NH)#50

  • AFSer Freshmen
  • *
  • Posts: 48
  • Gender: Female
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #50 (2011-2012)
เอ่อ เรื่องซ้ำหรือไม่ซ้ำ ก็ตามทุกความเห็นด้านบนนะครับ

ถ้าอยากเรียนแพทย์จริง ตอนม.ปลายอยากทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ
เพราะว่าการเรียนในคณะแพทย์มันดูดพลังมากๆ
บางครั้งตอนนี้มองกลับไป ยังอยากทำอะไรหลายๆ อย่างในตอนม.ปลายเลยครับ

ขอชี้แจงเรื่องโครงการ MDX ของคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น นะครับ
พอดีพี่เรียนแพทย์ อยู่ที่ขอนแก่นพอดีอ่ะครับ
ก็เป็นโครงการที่เปิดรับโควต้า โดยให้สิทธิ์ นักเรียนจากทั่วประเทศสอบได้
ใช้คะแนนอังกฤษ 20% และวิทย์กับคณิต 15%
ก็คนที่ได้ภาษจะได้เปรียบ
การเรียนภาคบรรยายจะเรียนรวมกันโดยทั่วไป
ส่วนในการเรียนที่แบ่งเป็นกลุ่มย่อย โครงการ MDX จะต้อง dicuss เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยกันเป็นภาษาอังกฤษ
ประมาณนั้นนะครับ

ส่วนเรื่องเปิดแพทย์อินเตอร์ของ มศว. เหมือนจะเคยได้ข่าวมาเหมือนกันนะครับ
อันนี้ลองหาข้อมูลดู
แต่ว่าทุกวันนี้ที่พี่เรียนแพทย์อยู่ก็แทบจะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ+ละตินอยู่แล้ว
เนื่องจากมันเป็นวิชาชีพที่มีศัพท์เฉพาะเยอะมากๆ
คิดว่าถ้าไปเปิดหลักสูตร inter ก็คงไม่ต่างจากที่เรียนๆ กันอยู่ทุกวันนี้สักเท่าไหร่ - -"

มีอะไรก็ถามได้นะครับ ^^
อยากเข้าศิริราชบ้างจัง
ไปแล้วคงลืมหมดแน่ๆ
พี่ช่วยแนะนำการเตรียมตัวหน่อยสิคะ

Offline daw GER(NH)#50

  • AFSer Freshmen
  • *
  • Posts: 48
  • Gender: Female
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #50 (2011-2012)
เอ่อ เรื่องซ้ำหรือไม่ซ้ำ ก็ตามทุกความเห็นด้านบนนะครับ

ถ้าอยากเรียนแพทย์จริง ตอนม.ปลายอยากทำอะไรก็รีบทำเถอะครับ
เพราะว่าการเรียนในคณะแพทย์มันดูดพลังมากๆ
บางครั้งตอนนี้มองกลับไป ยังอยากทำอะไรหลายๆ อย่างในตอนม.ปลายเลยครับ

ขอชี้แจงเรื่องโครงการ MDX ของคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น นะครับ
พอดีพี่เรียนแพทย์ อยู่ที่ขอนแก่นพอดีอ่ะครับ
ก็เป็นโครงการที่เปิดรับโควต้า โดยให้สิทธิ์ นักเรียนจากทั่วประเทศสอบได้
ใช้คะแนนอังกฤษ 20% และวิทย์กับคณิต 15%
ก็คนที่ได้ภาษจะได้เปรียบ
การเรียนภาคบรรยายจะเรียนรวมกันโดยทั่วไป
ส่วนในการเรียนที่แบ่งเป็นกลุ่มย่อย โครงการ MDX จะต้อง dicuss เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยกันเป็นภาษาอังกฤษ
ประมาณนั้นนะครับ

ส่วนเรื่องเปิดแพทย์อินเตอร์ของ มศว. เหมือนจะเคยได้ข่าวมาเหมือนกันนะครับ
อันนี้ลองหาข้อมูลดู
แต่ว่าทุกวันนี้ที่พี่เรียนแพทย์อยู่ก็แทบจะคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ+ละตินอยู่แล้ว
เนื่องจากมันเป็นวิชาชีพที่มีศัพท์เฉพาะเยอะมากๆ
คิดว่าถ้าไปเปิดหลักสูตร inter ก็คงไม่ต่างจากที่เรียนๆ กันอยู่ทุกวันนี้สักเท่าไหร่ - -"

มีอะไรก็ถามได้นะครับ ^^
^
^
ข้างบนกดผิดอ่า
อยากเข้าศิริราชบ้างจัง
ไปแล้วคงลืมหมดแน่ๆ
พี่ช่วยแนะนำการเตรียมตัวหน่อยสิคะ

Offline daw GER(NH)#50

  • AFSer Freshmen
  • *
  • Posts: 48
  • Gender: Female
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #50 (2011-2012)
^
^
ข้างบนกดผิดอ่า
คือจริงๆแล้วน่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา
การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหนึ่งปี ก็ไม่ได้ทำให้เราเอ็นท์ไม่ติด
ในขณะเดียวกันการเรียนอยู่ที่นี่ต่อเนื่องก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะเอ็นท์ติดแน่นอน
จริงรึเปล่า? เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับตัวน้องแหละค่ะ

พี่ก็ไปอเมริกามาเหมือนกัน รุ่น48 ค่ะ อยากเป็นหมอเหมือนกัน
ก่อนไปก็กังวลนะ กลัวกลับมาแล้วไอ้ที่เรียนมาจะหายเกลี้ยงหัว(ซึ่งหายไปจริงๆ 555)

เออแล้วน้องอยู่ม. อะไรอ่ะ
ตอนพี่ไปพี่อยู่ม.6 กลับมาซ้ำม.6 เทอม2 ส่วนเทอม1เรียนพิเศษ - -"
อ่านหนังสืออ้วกแตก สุดท้ายก็ได้สิ่งที่ต้องการ คุ้มค่ามากๆ
ได้พิสูจน์ว่าไป AFS หนึ่งปี ใครว่าจะต่อคณะทางวิทย์ไม่ได้
ใครว่าเด็ก AFS สุดท้ายก็ต้องเข้าม.เอกชน
...ไม่จริง...

พี่ติด คณะแพทยศาสตร์(ศิริราช) ม.มหิดล
คณะจิตวิทยา จุฬา
ซึ่งจะเอาแพทย์อ่ะนะคะ :)

กลับมาจากอเมริกาไม่ใช่แค่เห็นเพื่อนๆจบไปต่อหน้าต่อตา
แต่กลับมาไม่เจอเพื่อนเลย - -"
แต่ไม่เป็นไร เราหาเพื่อนใหม่ได้จริงมั้ย? เพื่อนที่เราเคยมีก็ยังเจอกันได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีก
สำหรับพี่ การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็น 1ปีที่ดีที่สุดในชีวิต
เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะไม่มีวันลืม
และถ้าไม่ได้เป็นจะเสียดายมากๆ
น้องไม่ได้เสียเวลาไปหนึ่งปี น้องได้เวลามาหนึ่งปีนะคะ
ถ้าไม่ได้ไปต่างหากถึงเสียไปหนึ่งปี (ก๊อปเค้ามาอีกที 555)
ตัดสินใจดีๆค่ะ สู้ๆ :)

อยากเข้าศิริราชบ้างจัง
ไปแล้วคงลืมหมดแน่ๆ
พี่ช่วยแนะนำการเตรียมตัวหน่อยสิคะ

Offline HammY [SH] GER#49

  • AFSer Honor Graduate
  • *
  • Posts: 1697
  • Gender: Female
  • เคืองอะไรเคลียร์กันหลังไมค์ (PMมาได้)
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #49 (2010-2011)
อยากบอกกับทุกๆคนว่า

ไม่มีกฎข้อใดของAFSที่บอกว่า ไปโครงการAFSแล้วห้ามเป็นหมอ

แล้วก็ไม่มีกฎข้อใดของการเข้าศึกษาต่อในคณะแพทย์ฯบอกว่า ห้ามไปแลกเปลี่ยนAFSมาก่อน
เจด ภูมิ(2) เปรม วิน ยอด เพชร ภูมิ(1) ปัณ กิด บอส
หลิน จ๋อม มิ้นท์ ฟีฟี่ ป่าน แพร ปลา
นิว แก้มแหม่ม ฟอง เนย แฮม โม แอน น้ำ
25 ชีวิต AFS GER (SH) 49 !!!

Offline AUDY AFS#48 USA

  • AFSer Graduate
  • *
  • Posts: 562
  • Gender: Female
  • Exchange In: United States
  • Generation: #48 (2009-2010)
^
^
ข้างบนกดผิดอ่า
คือจริงๆแล้วน่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา
การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหนึ่งปี ก็ไม่ได้ทำให้เราเอ็นท์ไม่ติด
ในขณะเดียวกันการเรียนอยู่ที่นี่ต่อเนื่องก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะเอ็นท์ติดแน่นอน
จริงรึเปล่า? เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับตัวน้องแหละค่ะ

พี่ก็ไปอเมริกามาเหมือนกัน รุ่น48 ค่ะ อยากเป็นหมอเหมือนกัน
ก่อนไปก็กังวลนะ กลัวกลับมาแล้วไอ้ที่เรียนมาจะหายเกลี้ยงหัว(ซึ่งหายไปจริงๆ 555)

เออแล้วน้องอยู่ม. อะไรอ่ะ
ตอนพี่ไปพี่อยู่ม.6 กลับมาซ้ำม.6 เทอม2 ส่วนเทอม1เรียนพิเศษ - -"
อ่านหนังสืออ้วกแตก สุดท้ายก็ได้สิ่งที่ต้องการ คุ้มค่ามากๆ
ได้พิสูจน์ว่าไป AFS หนึ่งปี ใครว่าจะต่อคณะทางวิทย์ไม่ได้
ใครว่าเด็ก AFS สุดท้ายก็ต้องเข้าม.เอกชน
...ไม่จริง...

พี่ติด คณะแพทยศาสตร์(ศิริราช) ม.มหิดล
คณะจิตวิทยา จุฬา
ซึ่งจะเอาแพทย์อ่ะนะคะ :)

กลับมาจากอเมริกาไม่ใช่แค่เห็นเพื่อนๆจบไปต่อหน้าต่อตา
แต่กลับมาไม่เจอเพื่อนเลย - -"
แต่ไม่เป็นไร เราหาเพื่อนใหม่ได้จริงมั้ย? เพื่อนที่เราเคยมีก็ยังเจอกันได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีก
สำหรับพี่ การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็น 1ปีที่ดีที่สุดในชีวิต
เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะไม่มีวันลืม
และถ้าไม่ได้เป็นจะเสียดายมากๆ
น้องไม่ได้เสียเวลาไปหนึ่งปี น้องได้เวลามาหนึ่งปีนะคะ
ถ้าไม่ได้ไปต่างหากถึงเสียไปหนึ่งปี (ก๊อปเค้ามาอีกที 555)
ตัดสินใจดีๆค่ะ สู้ๆ :)

อยากเข้าศิริราชบ้างจัง
ไปแล้วคงลืมหมดแน่ๆ
พี่ช่วยแนะนำการเตรียมตัวหน่อยสิคะ


อ่านหนังสือเยอะๆค่ะน้อง - -
ตอนอยู่เมกาพี่ก็ไม่ได้อ่านไรเลยนะ กลับมาถึงเริ่ม 555
AFSer#48 USA,,NYC,,Northeast Ohio
[email protected]
I ♥ GUITAR - - - I ♥ YUI - - -  I ♥ AFS

Offline daw GER(NH)#50

  • AFSer Freshmen
  • *
  • Posts: 48
  • Gender: Female
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #50 (2011-2012)
^
^
ข้างบนกดผิดอ่า
คือจริงๆแล้วน่ะ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเรา
การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนหนึ่งปี ก็ไม่ได้ทำให้เราเอ็นท์ไม่ติด
ในขณะเดียวกันการเรียนอยู่ที่นี่ต่อเนื่องก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะเอ็นท์ติดแน่นอน
จริงรึเปล่า? เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับตัวน้องแหละค่ะ

พี่ก็ไปอเมริกามาเหมือนกัน รุ่น48 ค่ะ อยากเป็นหมอเหมือนกัน
ก่อนไปก็กังวลนะ กลัวกลับมาแล้วไอ้ที่เรียนมาจะหายเกลี้ยงหัว(ซึ่งหายไปจริงๆ 555)

เออแล้วน้องอยู่ม. อะไรอ่ะ
ตอนพี่ไปพี่อยู่ม.6 กลับมาซ้ำม.6 เทอม2 ส่วนเทอม1เรียนพิเศษ - -"
อ่านหนังสืออ้วกแตก สุดท้ายก็ได้สิ่งที่ต้องการ คุ้มค่ามากๆ
ได้พิสูจน์ว่าไป AFS หนึ่งปี ใครว่าจะต่อคณะทางวิทย์ไม่ได้
ใครว่าเด็ก AFS สุดท้ายก็ต้องเข้าม.เอกชน
...ไม่จริง...

พี่ติด คณะแพทยศาสตร์(ศิริราช) ม.มหิดล
คณะจิตวิทยา จุฬา
ซึ่งจะเอาแพทย์อ่ะนะคะ :)

กลับมาจากอเมริกาไม่ใช่แค่เห็นเพื่อนๆจบไปต่อหน้าต่อตา
แต่กลับมาไม่เจอเพื่อนเลย - -"
แต่ไม่เป็นไร เราหาเพื่อนใหม่ได้จริงมั้ย? เพื่อนที่เราเคยมีก็ยังเจอกันได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีก
สำหรับพี่ การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเป็น 1ปีที่ดีที่สุดในชีวิต
เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าที่จะไม่มีวันลืม
และถ้าไม่ได้เป็นจะเสียดายมากๆ
น้องไม่ได้เสียเวลาไปหนึ่งปี น้องได้เวลามาหนึ่งปีนะคะ
ถ้าไม่ได้ไปต่างหากถึงเสียไปหนึ่งปี (ก๊อปเค้ามาอีกที 555)
ตัดสินใจดีๆค่ะ สู้ๆ :)

อยากเข้าศิริราชบ้างจัง
ไปแล้วคงลืมหมดแน่ๆ
พี่ช่วยแนะนำการเตรียมตัวหน่อยสิคะ


อ่านหนังสือเยอะๆค่ะน้อง - -
ตอนอยู่เมกาพี่ก็ไม่ได้อ่านไรเลยนะ กลับมาถึงเริ่ม 555
จ้า^^
ดาวอยากเข้าศิริราชมากๆเลยยยยยย

Offline ดอชอต้น_Med-KKU

  • AFSer Camp Staff
  • *
  • Posts: 277
  • Gender: Male
  • ต้น_USA#45__New Jersey
  • Exchange In: United States
  • Generation: #45 (2006-2007)
ไปเหอะคับ เป็นประสบการณ์

กลับมาไม่ต้องกลัวหรอกคับว่าจะสอบหมอไม่ได้

แต่พี่ว่าน้องควรซ้ำนะคับ

เพื่อลด pressure ไม่งั้นจะกดดันเกินไป

แต่ถ้าน้องไม่ซ้ำก็แล้วแต่น้องนะคับ

อย่างพี่พี่ก็กลับมาซ้ำอ่ะ ตอนนี้พี่เรียนแพทย์อยู่ขอนแก่นนะคับ

มีอะไรก็ปรึกษาได้

ส่วนหมออินเตอร์ น้องเรียนเมืองไทย จบเป็นหมอก็รักษาใครก็ได้

น้องได้ภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว

แต่อาจจะต้องไปเรียนรู้โรคของที่เกิดฝั่งเมืองนอกใหม่บางอย่าง

เพราะโรคเรา กับโรคเค้ามันมีความต่างกันอยู่อ่ะ

สู้ๆนะคับ

มีอะไรก็ถามมาได้ตลอดเวลา

ยินดีให้คำปรึกษา
-Medicine#37th KKU
-USA 45-New Jersey