อันนี้แปลมาอีกทีนะครับ พอดีไปเจอที่พันทิป เลยเอามาแชร์กันอ่าน1. แบมือ หันเอาฝ่ามือออก / ที่ กรีซคุณคิดว่ากำลังพูดว่า...
(เหตุการณ์สมมุติ) "โอ้! มุซซาก้า (อาหารกรีซ) ที่ผมกินตะกี้มันโคตรเยอะเลย ผมก็อยากกินอีกหรอกนะ แต่อิ่มแล้วล่ะ ไม่ไหว"
จริงๆ แล้วคุณกำลังบอกว่า...
"โอ้! ผมเพิ่งกินมุซซาก้าไปอื้อเลย ผมก็อยากกินอีกหรอกนะ แต่คงไม่ได้ เพราะชั้นต้องจัดการขัดขี้ออกจากหน้าแกก่อนนะเซ่!!"
ไหงเป็นงั้น?
ที่ กรีซนั้นสัญลักษณ์ "แบมือออก" เป็นที่รู้จักกันในชื่อ "เม้าท์ซ่า" (Moutza) ซึ่งสัญญลักษณ์ที่ว่านี้มีต้นกำเนิดย้อนกลับไปในยุคจักวรรดิไบเซนไทน์ ซึ่งในสมัยนั้นพวกโจรผู้ร้ายจะต้องถูกมาเดินพาเหรดประจานรอบเมือง โดยทั้งหมดจะถูกทาหน้าด้วยสีดำเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงความอัปยศในตัวโจรพวก นี้
คือ.. ถ้าพวกโจรนั้นโชคดีก็จะถูกทาด้วยถ่านชาโคล แต่.. ถ้าโชคร้าย พวกผู้ร้ายก็จะถูกทาหน้าด้วย........ อึ!
อุจราระ, อึ ฯลฯ จะอะไรก็ช่าง แต่..ใช่ครับ! หน้าพวกเขาจะถูกทาด้วย ..อี๋
ถ้า คุณโคตรอยากหาเรื่องชาวกรีกแบบจังๆ สักคน คุณสามารถทำ "เท้าท์ซ่า" นี้ได้ด้วยมือทั้ง 2 ข้าง ก็โดยการแบมือออกแล้วโบกไปมาเหนือคุณนั่นเอง วิธีนี้คงทำให้คุณงานเข้าได้สมใจ .. เลือกเองนะ
---------------------------------------------------------
2. ชูนิ้วโป้งขึ้น / ที่ ตะวันออกกลางsmile คุณคิดว่ากำลังพูดว่า...
"เฮ้..!!!!!! โคตรหนุกเลยเว้ยยยยยยยยยยย!!!"
อันที่จริงคุณกำลังพูดว่า...
"เฮ้ยยยยย!!! ชั้นจะยัดก้นแกด้วยนิ้วโป้งของชั้นเว้ยยยยยยยย!!!"
ไหงเป็นงั้น?
อัน ที่จริงแล้วไม่ใช่เฉพาะในตะวันออกกลางนะ แต่ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์นี้ยังถือเป็นการดูถูก+กวนทรีนทั้งในอัฟริกาตะวันตก และอเมริกาใต้อีกด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกคนที่อาศัยอยู่ในทั้ง 3 ทวีปนี้คงมึนตึ๊บถ้าได้ดูหนังเรื่อง "Ebert and Roeper" (เป็นรายการ review หนังที่ใช้เริ่มต้นใช้สัญลักษณ์ ชูนิ้วโป้งและคว่ำนิ้วโป้ง)
"หนังเรื่องนี้เจ๋งว่ะบิล! เจ๋งจนชั้นอยากจะเอานิ้วโป้งยัดตูดเลย!!" ฮ่าฮ่าฮ่า
สัญลักษณ์ ชูนิ้วโป้งขึ้นนี้สร้างความสับสนให้คนไม่น้อยมากว่า 1,000 ปีแล้ว ต่างจากตำนานฮอลลีวู้ดข้างบนได้ทำไว้ นักรบกลาดิเอเตอร์ในสมัยโรมันจะไม่โชคดีนักถ้าเจอกับสัญลักษณ์ชูนิ้วโป้ง เพราะมันหมายถึง ตาย แต่กลับกันสัญลักษณ์ซ่อนนิ้วหมายถึง รอด
ถ้า ต้นกำเนิดของสัญลักษณ์ทั้ง 2 นี้จะมีอะไรสักอย่างเกี่ยวข้องกัน เราคงเดาได้แค่ว่ามันคงหมายความว่า "อย่าฆ่าไอคนนี้ ไอนี่น่าจะช่วยรักษาโรคข้อนิ้วเสื่อมของจักรพรรดิได้!"
-------------------------------------------------
3. กินอาหารเกลี้ยงจาน / ที่ ไทย, ฟิลลิปปินส์ และ จีน คุณคิดว่ากำลังพูดว่า...
"อาหาร มือนี้สุดยอดไปเลย จริงๆ นะ ผมไม่ใช่คนที่ชอบยอใครในเรื่องพวกนี้ อันที่จริงแล้วอาหารของคุณมันโคตรอร่อยเหาะไปเลย! ผมอยากจะกินมันทุกๆ คำแล้วเลียจานให้เอี่ยมเลยด้วย!!"
อันที่จริงแล้วคุณกำลังพูดว่า...
"คุณ เรียกตัวเองว่าเจ้าบ้านเหรอ? ผมมานี่ก็หวังว่าจะได้กินอาหาร อาหารจริงๆ น่ะ ไม่ใช่เศษอาหารที่ต่อให้หนูที่เพิ่งกินทั้งข้าวเช้าและข้าวกลางวันมาแล้วยัง ไม่อิ่มเลยเว้ยย! มองผมนี่! ไม่! มองที่ตา คุณ มัน น่า รัง เกียจ!!!!"
ไหงเป็นงั้น?
มัน ก็จริงที่ว่าเจ้าบ้านที่ดีสมควรจะมีอาหารรสเลิศมาเสิร์ฟแขกผู้มาเยือนเสมอ แต่ในประเทศที่สเต็กราดซ๊อส มีราคาพอๆ กับการปลูกถ่ายไต สิ่งสำคัญที่สุดที่เจ้าของบ้านควรทำคือจัดแจงอาหารที่ "เพียงพอ" แก่แขกมากกว่า
ที่จีนนั้น ถ้าคุณกินอาหารจากเจ้าของบ้านหมดจนคำสุดท้าย มันเท่ากับบอกเป็นนัยว่าเจ้าของบ้านให้อาหารคุณมาไม่พอกิน เพราะฉะนั้น แม้ว่าอาหารที่คุณกำลังกินจะสุดยอดแห่งความอร่อยที่สุดเท่าที่คุณเคยกินมาใน ชีวิต แม้จะด้วยความอาลัยอาวร, คุณยังควรจะเหลืออาหารติดจานไว้สักคำหนึ่งขณะที่คุณนั่งมองมันด้วยความหื่น กระหายชนิดปิดไม่มิดก็เหอะ
อย่างไรก็ดี ว่ากันว่าชาวเอเชียตะวันออกก็ไม่ได้เครียดมากมายอย่างที่เราแนะนำคุณไปข้าง ต้นหรอก ที่จีนนั้นถือว่าการพูดโดยมีอาหารเต็มปากและเรอเสียงดังเมื่อกินเสร็จถือว่า เป็นมารยาทที่ดี
ส่วนการผายลมนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และกลุ่มคนที่คนเจออยู่ในตอนนั้นๆ ฉะนั้น ถามก่อนจะทำอะไรก็แล้วกัน
แต่ที่แน่ๆ.. การจุดไฟกับ..เอ่ออ.. ลมผาย (ผายลม) ของคุณดูจะไม่เป็นที่ยอมรับในจากทุกที่ทั่วโลกนั่นล่ะนะ (ชัวร์)
อนึ่ง. ลมที่ร่างกายเราขับออกมานั้น ประกอบด้วยก๊าซมีเทนเป็นหลัก ซึ่งหมายถึง.. มันติดไฟได้ ฮะ..
-----------------------------------------
4. พูด "ไฮ" (Hi) กับเพศตรงข้าม / ที่ ซาอุดิอารเบีย คุณคิดว่ากำลังพูดว่า...
"เฮ้ยย หวัดดีๆ ๆ สมชายยยยย แกไปนั่งกินลาเต้กันมั้ยๆ ๆ ๆ"
อันที่จริงคุณกำลังพูดว่า...
"เฮ้ยย หวัดดีๆ ๆ สมชายยยยย ไปโรงแรมกันมั้ย ชั้นจะได้บึ๊ดจ้ำบึ๊ดกับแกให้สุดเหวี่ยงไปเลยยยยย!"
ไหงเป็นงั้น?
ตาม หลักศีลของชาวซาอุฯแล้ว การที่ผู้หญิงทักทายผู้ชายในที่สาธารนะถือเป็นเรื่องผิดทำนองคลองธรรมอย่าง ร้ายแรง หรือไม่ก็ไปไหนมาไหนกับชายอื่นที่ไม่ใช่สามีโดยไม่มีคนอื่นไปด้วย
ปี 2008 ผู้หญิงอเมริกันคนหนึ่งเปิดฉากสนทนากับชายคนหนึ่งในร้านสตาร์บั๊คส์ แล้วทันใดเธอก็ถูกจับ และถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าเพื่อตรวจค้น ก่อนจะถูกบังคับให้สารภาพผิด
อย่างไรก็ดี บางทีมันอาจฟังดูจุกจิกไปหน่อยถ้าจะบอกว่าที่นั่นผู้หญิง "ห้าม" ขับรถ, เลือกตั้ง, เป็นเจ้าของร้านค้า, ให้การในศาล หรือแม้แต่ ขี่จักรยาน ..
แต่ พวกเขาอนุญาตคุณสภาพสตรีทั้งหลายขับเครื่องบินไอพ่นได้! (แม้ว่ามันคงจะต้องถูกห้ามอยู่ดีถ้าวันนึงคนที่นั่นคิดว่าขับเครื่องบินไอ พ่นก็เหมือนๆ กับการขี่จักรยาน)
สรุปคือ ถ้าคุณเป็นผู้หญิง และเกิดจะย้ายไปอยู่ซาอุฯ เราบอกคุณได้เลยว่า การเผลอพูดดูถูกคนที่นั่นด้วยคำทักทายทั่วไปจะเป็นปัญหาจิ๊บๆ ไปเลย (เมื่อเทียบกับเรื่องอื่น) ..ชัวร์
------------------------------------------------------------