ขอเพิ่มเติมละกานครับ
คุุณมีรูปร่างแบบไหน ?
BMI (Body Mass Index)
ดัชนี มวลกาย คือ การแสดงค่าความสัมพันธ์ระหว่างน้ำหนักกับส่วนสูงของบุคคล และสามารถระบุระดับความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บของบุคคลนั้น ผู้ที่มีค่า BMI ระหว่าง 23.5-28.4 คือบุคคลที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มผู้มีน้ำหนักมากกว่าปกติหรือน้ำหนักเกิน ในขณะที่ผู้มีค่า BMI ตั้งแต่ 28.5 ขึ้นไปจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มคนอ้วน
ผลการวิจัยระบุว่าการลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินจะช่วยลดโอกาสการเกิด โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน อย่างไรก็ดี โปรดสังเกตว่าค่า BMI ที่คำนวณได้ในนักกีฬาจะไม่แม่นยำเหมือนคนปกติเนื่องจากนักกีฬาจะมีปริมาณไขมันที่ต่ำแต่จะมีกล้ามเนื้อมากเช่นเดียวกันกับกลุ่มคนอายุน้อยกว่า 19 ปี หรือมากกว่า 70 ปีขึ้นไป สตรีมีครรภ์และอยู่ในระหว่างให้นมบุตร รวมถึงผู้ที่เจ็บป่วยด้วย
รูปร่างแบบที่ 1 คือมีรูปร่างแบบ แอปเปิ้ล ซึ่ง มีลักษณะของการสะสมไขมันส่วนบนของรางกาย เช่น บริเวณ ไบหน้า, ต้นคอ, แขนช่วงบนและเอว ไขมันส่วนบน เกิดจาก การอดอาหาร ในระยะเวลาหนึ่ง
ข้อแนะนำ สำหรับผู้ที่มีรูปร่าง มีลักษณะแบบผลแอปเปิ้ล ลดไม่ยากเท่ากับ ผู้ที่มีรูปร่างแบบที่ 3 แต่ต้องได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง
รูปร่างแบบที่ 2 คือ มีลักษณะรูปร่างแบบ ผลชมพู่ ความหมายคือมีการสะสมไขมัน บริเวณช่วงล่างและต้นขาของร่างกาย เช่น สะโพก ส่วนใหญ่ เกิดจากการสะสมไขมัน ที่มาจากการตั้งครรภ์ โดยระบบร่างกายของมนุษย์ จะทำการสำรองพลังงานไว้ที่ส่วนนี้ เพื่อไว้สำหรับการให้น้ำนมลูก
ข้อแนะนำ ผู้ที่มีไขมันสะสมช่วงล่างมาก จะลดได้ยากแม้จะออกกำลัง หรือ ใช้การอดอาหาร คุณจำเป็นต้องได้รับโปรตีนคุณภาพ สูงเพียงพอ
รูปร่างแบบที่ 3 คือ มีไขมันสะสมทั่วตัวทั่งส่วนบน และส่วนล่าง คนส่วนใหญ่จะมีรูปร่างแบบนี้ เราเรียกว่า มีรูปร่างแบบ ผลส้มโอ ซึ่งการลดน้ำหนัก หรือการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ทำได้ไม่ยาก เท่าอ้วนแบบที่ 2 แต่ก็ต้องได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ
ข้อแนะนำ ให้ทำความเข้าใจว่า รูปร่างสำคัญ มากกว่าน้ำหนัก เพราะถ้ารูปร่างเปลี่ยน จะทำให้ปริมาณไขมัน ในร่างกายลดลง
รูปร่างแบบที่ 4 คืออ้วนแบบลงพุง ส่วนใหญ่เกิดในคุณผู้ชาย จะมีการสะสมไขมันบริเวณหน้าท้อง ภายในลำใส้ ซึ่งทำให้เอวใหญ่ขึ้น และมีส่งผลเสียต่อหัวใจ เป็นต้น
ข้อแนะนำ ไม่ควรให้ลดน้ำหนักโดยการอดอาหารเพราะจะมีการสูญเสียกล้ามเนื้อและไขมัน
บทความจาก
http://healthyclinic.net