ไปดูกันเล้ยยย 1.
ชาวเยอรมันรักความสะอาดและความมีระเบียบมาก การทิ้งขยะในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย และแม้จะทิ้งขยะในถังก็ต้องทิ้งให้ถูกต้อง
2.
ความเงียบสงบเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ชาวเยอรมันให้ความสำคัญมาก เพราะฉะนั้นโปรดรักษาความสงบ การส่งเสียงเอะอะโวยวายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอาทิตย์ทั้งวัน วันเสาร์ระหว่างเวลา 18.00น. จนถึง 8.00น. และระหว่าง 12.00-15.00น. วันธรรมดาระหว่าง 20.00น.-8.00น. และระหว่าง 12.00น.-15.00น.โดยหลักการแล้วเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมาย
3.
ชาวเยอรมันขับรถเร็วแต่เคารพกฏหมายอย่างเคร่งครัดและไม่ประนีประนอม ดังนั้นถ้าต้องการขับรถเที่ยวเอง ต้องแน่ใจว่ารู้กฏจราจรจริง ๆ อนึ่ง ถ้าท่านขับรถผ่านไปพบอุบัติเหตุ ท่านจะต้องหยุดรถเพื่อให้ความช่วยเหลือ มิฉะนั้นท่านจะมีความผิดตามกฏหมาย ถ้าท่านขับรถไปชนหรือเฉี่ยวรถที่จอดอยู่โดยเจ้าของรถไม่ได้อยู่ในที่นั้น ท่านจะต้องคอยพบเจ้าของหรือถ้าคอยไม่ได้ต้องทิ้งที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ไว้ให้เจ้าของรถ มิฉะนั้นจะกลายเป็นว่าท่านละเมิดกฏหมายในระดับที่ร้ายแรงมาก
4.ในการซื้อสินค้าหรือกระทำการใดก็ตาม
ห้ามแซงคิว ผู้ที่มาก่อนย่อมจะต้องได้รับบริการก่อน การแซงคิวหรือเบียดเสียดเป็นการผิดมารยาทที่ร้ายแรงมาก
5.ถ้าท่านใช้บริการของการขนส่งมวลชน โปรดระมัดระวัง
อย่านั่งเก้าอี้ที่มีเครื่องหมายกากบาทสีขาว เพราะที่นั่งเหล่านี้เป็นที่นั่งสำรองสำหรับผู้ที่บาดเจ็บพิการหรือผู้ชรา
6.
ชาวเยอรมันโดยทั่วไปไม่ใช่คนยิ้มง่าย แต่เขาจะให้ความช่วยเหลือถ้าได้รับการขอร้องอย่างสุภาพ
7.การจราจรในเยอรมนีเป็นแบบชิดขวา ทั้งนี้รวมถึงคนเดินถนนด้วย
8.โปรดให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่เข็นรถเด็ก เช่น หลีกทางให้ไปก่อน ช่วยเปิดประตู หรือช่วยยกรถเด็ก
9.การตรงต่อเวลาเป็นมารยาทพื้นฐานที่สำคัญมาก (มากมากมากจริงจริง )10.การไปเยี่ยมเยือนชาวเยอรมันจะต้องนัดล่วงหน้าเสมอ ควรมีของขวัญเล็กๆน้อยๆ เช่น ดอกไม้สักช่อ หรือไวน์ดีๆสักขวดไปฝากเจ้าบ้าน และอย่าอยู่นานเกินไป อนึ่งถ้าไม่ได้มีการเชิญรับประทานอาหารล่วงหน้า ชาวเยอรมันจะไม่เชิญแขกให้อยู่รับประทานอาหาร
11.ในการทักทายกันด้วยการสัมผัสมือ ผู้ที่อายุมากกว่า หรือสตรีจะเป็นฝ่ายยื่นมือให้ก่อน
12.สงครามโลกทั้ง 2 ครั้งและคำว่านาซี ไม่ควรอยู่ในหัวข้อสนทนากับชาวเยอรมัน
13.
อย่าทำให้ใครหยุดชะงักกลางทางเมื่อคนเยอรมันเริ่มออกจากอาคารแล้วกำลังมุ่งหน้าไปที่ใดสักแห่งอย่าได้พยายามทักเพื่อให้เขาหยุดเดินแล้วมาสนใจเรา เพราะก่อนออกจากอาคารเขาได้เช็คตารางการเดินรถเมล์หรือรถไฟไว้แล้ว และเขากะแล้วว่าเมื่อเริ่มออกจากอาคารเวลานี้จะต้องไปทันรถแน่ ๆ หากเราทำให้เขาชะงัก เขาจะเสียเวลาไปไม่ทันรถ เขาจะโกรธเอาได้ ทางที่ดีควรเดินไปคุยกันไป หรือรอให้ไปถึงสถานีรถไฟฟ้าก่อนแล้วค่อยคุย หรืออาจจะคุยกันในรถไฟฟ้าก็จะดีกว่า เพราะเขาจะมีเวลาคุยด้วยเต็มที่หลังจากขึ้นรถแล้ว
14.
อย่าเรียกชื่อหน้าคนไทยนิยมเรียกชื่อหน้า เช่น คมสัน แต่เราจะเรียกชื่อหน้าของชาวเยอรมันไม่ได้ถ้าไม่ใช่เพื่อนสนิทกัน เช่น ดร. กุนเธ่อร์ มันสเก้ เราจะต้องเรียกว่า ดร. มันสเก้ ไม่ใช่ ดร. กุนเธ่อร์
15.
อย่าใส่หมวกเข้าไปในอาคารให้ถอดหมวกทุกครั้งที่เข้าไปในอาคาร และหากพบกับใครนอกอาคาร ก็ควรถอดหมวกออกก่อนในเวลาที่กล่าวทักทายกันแล้วใส่กลับไปใหม่
16.
ชายหญิงเท่าเทียมกันอย่าพยายามมองว่าหญิงชาวเยอรมันจะทำอะไรสู้ผู้ชายไม่ได้ บางทีเมื่อเราอยู่บนรถเมล์แล้วเห็นผู้หญิงยืนอยู่แล้วเราลุกให้เขานั่ง ถือว่าเป็นการสบประมาท เพราะเขาจะมองว่าเราดูถูกความสามารถของเขา เนื่องจากเขาถือว่าชายหญิงแข็งแรงเท่ากัน หญิงเยอรมันสร้างชาติกลับคืนมาหลังจากความพินาศย่อยยับหลังสงครามโลกครั้งที่สอง และนายกรัฐมนตรีก็เป็นหญิง (นางอังเกล่า แมเกิ้ล)
17.
อย่าข้ามถนนในที่ ๆ ไม่ได้จัดไว้ให้ข้ามคนจะข้ามถนนได้ก็ต่อเมื่อมีทางม้าลายและมีสัญญาณไฟให้ข้ามได้เท่านั้น ก่อนข้ามเราต้องกดขอสัญญาณก่อน จากนั้นรอสักพักจะมีไฟเขียวให้เราข้ามได้ หากยังเป็นไฟแดงแม้ว่าไม่มีรถก็อย่าข้าม เพราะหนึ่ง อาจจะมีรถมาอย่างเร็วมากและชนเราได้ เขาจะไม่ผิดด้วย เพราะสัญญาณบอกให้เขาไปได้ และสอง อาจมีตำรวจดักปรับเราอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
18.
ก่อนเข้าไปซื้อของ ถ้ามีกระเป๋าให้ฝากไว้ที่ล็อคเกอร์ก่อนสังเกตว่าซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่งจะมีล็อคเกอร์จัดไว้ให้ลูกค้า เราต้องมีเหรียญ 1 ยูโรติดตัวไว้ เพื่อที่จะเอาไว้เช่าล็อคเกอร์ (จะได้คืนเมื่อกลับมาเอาของ) หากไม่ยอมฝากของไว้ก่อน ตอนออกมาจ่ายเงินจะถูกค้นกระเป๋า ทำให้เสียเวลามาก และเกิดความหงุดหงิดทั้งเราและทั้งฝ่ายผู้ขาย นอกเสียจากบางห้างที่มีระบบกันขโมยอยู่แล้วจะไม่ต้องฝากกระเป๋า เพราะถ้าใครหยิบอะไรติดออกมาโดยไม่จ่ายเงินรับรองมีเสียงดังเกิดขึ้นแน่นอน
19.
เวลาทักคนเยอรมัน ควรเริ่มทักเป็นภาษาเยอรมันอย่าคิดว่าคนเยอรมันจะรู้ภาษาอังกฤษ เขาอาจจะรู้บ้างแต่ไม่รู้มาก เมื่อเขาเห็นว่าเราเป็นคนต่างชาติเขาจะไม่เข้ามาทักเราก่อนค่อนข้างแน่นอน เพราะกลัวว่าจะพูดอังกฤษไม่ถูก ดังนั้น เราจึงควรแสดงความเป็นมิตรก่อนโดยการพูดภาษาเยอรมันสักคำ เช่น กู๊ด-เท่น-ท๊าค แปลว่าสวัสดีครับ หรือสวัสดีค่ะ อย่างน้อยเขาเห็นว่าเรามาแบบเป็นมิตร คนเยอรมันก็จะพยายามช่วยเรา โดยปกติคนเยอรมันจะใจดี แต่เขากลัวว่าจะสื่อสารกับเราไม่รู้เรื่องเพราะเป็นเขาเองที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษ
20.
เวลาพูดกับคนเยอรมันอย่าเยิ่นเย้อ ให้ตรงประเด็นไปเลยคนเยอรมันเป็นคนตรง ๆ ไม่ชอบเวลาใครพูดอะไรเยิ่นเย้อ ถ้าเราอยากจะขออะไรจากคนเยอรมันก็ขอตรง ๆ ถ้าเขาทำได้ก็จะบอกว่าได้ ถ้าไม่ได้ก็จะบอกว่าไม่ได้ ไม่มีคำตอบแบบห้าสิบห้าสิบชนิดที่ต้องมาตีความกันว่าตกลงเขาจะให้หรือไม่ให้ อะไรอย่างนี้คนเยอรมันไม่มี ภาษาอังกฤษแบบสุภาพและวกไปวนมากว่าจะเข้าเรื่องนั้นอาจจะดีหากใช้กับคนอังกฤษ แต่สำหรับคนเยอรมันแล้วจะคิดว่า "นี่เขาต้องการอะไรกันแน่ เห็นฉันเป็นตัวตลกหรือมีเวลาว่างมากนักหรืออย่างไร ถึงได้พูดเสียอ้อมค้อมอย่างนั้น" สรุปแล้วตรงไปตรงมากับคนเยอรมันจะดีที่สุด
21.
ต้องมีเหตุผลถึงคนเยอรมันจะเป็นคนตรง ๆ ขออะไรก็ขอได้ตรง ๆ แต่ต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ว่าจู่ ๆ มาขอโดยไม่มีเหตุผล เขาจะไม่ยอมให้แน่ คนเยอรมันต้องการเหตุผลที่เป็นความจริง (Fact) มากกว่าเหตุผลที่เป็นความรู้สึก เราจึงต้องบอกว่า เพราะอย่างนี้มันถึงต้องมาขอ ไม่ใช่บอกว่า ขอเถ๊อะ ขอเถ๊อะ ขอช่วยเราหน่อยเถ๊อะ แบบนี้คนเยอรมันจะว่าท่าจะบ้า ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย แบบนี้คงช่วยไม่ได้
22.
ทำตามแผนที่วางไว้อย่างเคร่งครัดคนเยอรมันเวลาจะทำอะไรนั้นจะประชุมกันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็จะลงมือปฏิบัติตามนั้นแบบเป๊ะ ๆ ไม่มีการนอกคอก หากใครเกิดนอกคอกคนอื่นจะงงทันทีว่าทำไมถึงทำอย่างนั้น ไหนพูดกันไว้แล้วทำไมถึงไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้ จะเกิดความสับสนทันที ดังนั้นหากต้องการจะเปลี่ยนแปลงอะไรควรต้องกลับมาประชุมกันอีกครั้งก่อนเพื่อตกลงกันใหม่ ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็ทำตามใจตัวเองทันที
23.
อย่าพูดเล่นถ้าไม่สนิทคนเยอรมันถือว่าความจริงจังเป็นมารยาททางสังคม หากไม่ใช่เพื่อนสนิทกันอย่าพยายามพูดเรื่องตลก โจ๊ก หรือเรื่องล้อเล่นใด ๆ อย่างเด็ดขาด เขาจะมองว่าเราเป็นคนต่ำชั้นกว่าทันที ในการนำเสนออะไรให้คนเยอรมันฟังต้องเคร่งครัดเรื่องโครงสร้างการนำเสนอ ใช้คำพูด ท่าทาง และน้ำเสียงที่จริงจัง นำเสนอแต่ข้อมูลที่เป็นความจริง (Fact) อะไรที่คาดเดาเอาเองไม่ให้นำเสนอ และอะไรที่เป็นมุขตลกอย่าได้นำเสนอ แต่ถ้าเมื่อไรสนิทกันแล้วคนเยอรมันจะกลายเป็นคนที่สนุกสนานและเอาแต่คุยเรื่องตลก ก็แปลกดี
24.
คนเยอรมันตัดสินใจด้วยข้อมูลรอบด้านอย่าได้ให้ข้อมูลด้านเดียว จงให้ข้อมูลทุกเรื่องและทั้งด้านดีและด้านไม่ดี เช่น หากมีคนสมัครเข้าทำงานอยู่ 10 คน อย่ากระโจนบอกว่าคนที่ดีคือคนที่ 1 3 และ 5 แต่จงไล่มาทีละคนว่าคนแรกเป็นใคร ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ต่อมาคนที่สองเป็นอย่างไร ดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร ทำอย่างนี้จนครบทุกคน จากนั้นให้สร้างเกณฑ์ที่ใช้ในการตัดสินขึ้นมา แล้วตัดสินไปตามเกณฑ์ ทำอย่างนี้อาจจะใช้เวลามากสักหน่อย แต่คนเยอรมันอดทนที่จะฟังข้อมูลให้ครบทุกด้านได้อย่างน่าประหลาดใจ เขาจะไม่พยายามตัดสินใจถ้าไม่ได้ฟังครบทุกด้านก่อน
25.
รักษาตำแหน่งของตัวเองเมื่อคนเยอรมันได้รับมอบหมายให้ทำอะไรในตำแหน่งไหนแล้ว เขาจะรับผิดชอบในตำแหน่งนั้นอย่างถึงที่สุด ไม่ทิ้งตำแหน่งของตัวเอง นั่นคือการทำงานแบบเป็นกลไก (mechanism) สไตล์เยอรมันขนานแท้ เมื่อกลไกส่วนอื่นส่งงานมาให้เขา ทุกคนจะคาดหวังได้ว่าเขาจะต้องสานต่อได้ เหมือนสายพานการผลิต ไม่มีใครที่อยู่ ๆ ก็หายไปจากตำแหน่งของตัวเอง วิธีคิดเช่นนี้สังเกตได้ในการเล่นฟุตบอลของทีมชาติเยอรมัน อาจจะดูแข็ง ๆ และไร้จินตนาการ แต่ทุกคนรักษาตำแหน่งอย่างแข็งขันและเป็นระเบียบ แต่ข้อเสียของระบบนี้ก็คือหากมีใครหายไปสักตำแหน่งก็รวนกันทั้งระบบ ดูอย่างตอนที่แพ้สงครามโลกครั้งที่สองก็เพราะบางตำแหน่งโดนโจมตีพังไป ทำให้ต่อเกมส์กันไม่ติด ไม่มีการรวมศูนย์การตัดสินใจที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบได้อย่างยืดหยุ่นพอ เมื่อต่างคนต่างคิดว่าจะเอาอย่างไรต่อไปก็ไม่ทันเสียแล้ว
26.
งานมาก่อน ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาทีหลังเวลาทำงานกับคนเยอรมัน เริ่มต้นมาก็ให้แนะนำตัวแค่บอกชื่อตัวเองก็พอ อย่าเสียเวลาคุยเรื่องส่วนตัวนาน ให้เข้าเรื่องงานเลยว่าตกลงพวกเราต้องทำอะไรกันบ้าง แล้วก็ตกลงว่าเราควรจะทำอย่างไร จากนั้นก็ทำไปตามที่ตกลงกัน เพื่อนเยอรมันคนหนึ่งเคยไปสิงคโปร์บอกว่ากว่าจะเริ่มงานได้ ชาวสิงคโปร์พูดคุยทำความรู้จักกันนานมาก จนเขารำคาญ ผมก็ว่ามันไม่เหมือนกัน ที่เอเชีย ความสัมพันธ์มาก่อน งานมาทีหลัง ถ้าความสัมพันธ์ไม่ดีงานจะไม่เดิน เพื่อนเยอรมันก็บอกว่าที่เยอรมันงานมาก่อน ความสัมพันธ์มาทีหลัง ถ้างานสำเร็จเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนเยอรมันจะแสดงความเป็นมิตร เช่น พูดชวนไปทานกาแฟ เป็นต้น นั่นแสดงว่าเขาเปิดใจมาให้เราเป็นมิตรกับเขาแล้ว
27.
ไม่ต้องกังวลถ้าคนเยอรมันไม่พูดชมซึ่งหน้า แต่เขาจะช่วยเราในเวลาคับขันคนเยอรมันเวลาชื่นชมผลงานของใครจะไม่พูดออกมาตรง ๆ ว่าชอบ แต่จะแสดงออกว่าชอบคน ๆ นี้โดยการหยิบยื่นช่วยเหลือให้ในยามคับขัน ดังนั้นไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้คำพูดหวาน ๆ จากคนเยอรมัน แต่พวกเขากลับสามารถพึ่งพาได้อย่างดียิ่งเมื่อเกิดเรื่องร้ายแรงที่เราจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือ แต่ถ้าอยากรู้จากปากของเขาว่าเขาชอบงานของเราไหม ให้เอ่ยชมงานของเขาก่อน แล้วเขาจะเปิดใจพูดถึงงานเราบ้าง
ถ้ามีอีกจะเอามาเพิ่มให้ค่ะ (: