เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เวียดนาม
>>> > >
>>> > > เป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่บันทึกไว้ในข้อเขียนเรื่อง
>>>"เมตตาภาวนา
>>>: คำสอนว่าด้วยรัก" ของท่าน "ติช นัท ฮันท์
>>>อ่านจบหลายครั้งก็ยังประทับใจ
>>>จึงอยากนำมาเล่าต่อ
>>> > >
>>> > > ชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน
>>>ฝ่ายชายก็ถูกเกณฑ์ไปราชการสงคราม หญิงสาวไปส่งสามีจนสุดสายตา
>>>เขาหายไปในสงครามเป็นเวลากว่า 3 ปีจึงส่งข่าวคราวกลับมา
>>>เธอดีใจมากจูงมืออ้ายตัวเล็กไปรับผู้เป็นพ่อแต่เช้าตรู่
>>>ทันทีที่พบกันทั้งสองโผเข้าหากัน สัมผัสไออุ่นจากกันและกัน นิ่ง นาน
>>>จนเกือบลืมไปว่ามีลูกชายตัวเล็กยืนจ้องตาแป๋วอยู่
>>> > >
>>> > > ผู้เป็นพ่อดีใจมาก ยื่นมือไปหมายกอดลูกชายแต่เจ้าหนูถอยกรูด
>>> > >แม่ปลอบว่า "อย่าตกใจ
>>>เจ้าหนูไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนก็เป็นเช่นนี้แหละ"
>>> > >ทั้งสามเดินกลับมาตามทางจนถึงตลาด
>>>หญิงสาวขอตัวเข้าไปซื้อข้าวของสำหรับทำกับข้าวมื้อพิเศษ
>>>ชายหนุ่มมีโอกาสอยู่กับลูกชาย
>>>จึงขออุ้มเจ้าตัวน้อยอีกครั้งหนึ่งแต่ไม่สำเร็จ
>>>เท่านั้นยังไม่กระไร
>>>พอเจ้าลูกชายเริ่มพูดบางสิ่งบางอย่างเขาจึงรู้สึกได้ถึงที่มาแห่งปฏิกิริยาอันผิ
>>>ดปกติ "น้าไม่ใช่พ่อของหนู พ่อหนูมาหาแม่ทุกคืน พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง
>>>พอแม่ยืน
>>>พ่อก็ยืน..."
>>> > >
>>> > > เพียงไม่กี่คำเท่านี้เอง
>>>หัวใจของชายหนุ่มผู้เหนื่อยหนักมาจากสงครามอันแสนหฤโหดยาวนานก็พลันกระด้างยังกั
>>>บแผ่นศิลา สักพักหนึ่งพอหญิงสาวเดินกลับมาจากตลาด
>>>เธอก็พบว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
>>>เขาไม่เพียงแต่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
>>>หากหน้าเธอเข้าก็ไม่ปรายตามองอีกต่อไป เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
>>> > >
>>> > > เย็นวันนั้น
>>>อาหารที่เธอบรรจงทำอย่างสุดฝีมือเพื่อต้อนรับการกลับมาของเขาจืดสนิท
>>>ทั้งคู่เข้านอนแต่หัวค่ำ ต่างนอนลืมตาโพลงอยู่ในความมืด
>>>เธอถามตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้นขณะที่เธอแวะไปซื้อของ
>>>เขาถามว่าเธอยังเป็นผู้หญิงคนที่เขาสุดรักอย่างจับใจคนเดิมอยู่หรือเปล่า
>>>ต่างคนต่างถามกันและกันในความมืด ทว่าเป็นการถามที่เงียบงำจนวังเวง
>>> > >
>>> > > เขาเย็นชากับเธอจากวันแรกจนถึงวันที่สาม ไม่มีการถามไถ่
>>>ไม่มีการโอบกอดอันอบอุ่น
>>>ไม่มีการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อย
>>>ไม่มีแม้แต่การปรายตามองกันและกันอย่างเต็มสองตาฉันสามีหนุ่มภรรยาสาว
>>>การณ์เป็นไปดังนั้นอยู่จนถึงเย็นวันที่สาม
>>>แล้วความอดทนของเธอก็สิ้นสุดลง
>>>เธอตัดสินใจลาจากความระทมทุกข์ที่แม่น้ำสายหนึ่ง
>>>ทิ้งปมปัญหาทุกอย่างไว้ข้างหลังอย่างไม่ไยดี
>>> > >
>>> > > เย็นวันนั้นเขารู้ข่าวการจากไปของเธอด้วยน้ำตานองทั้งสองแก้ม
>>>เขาไปรับศพเธอมาบำเพ็ญกุศลอย่างเงียบๆในบ้านของตัวเอง
>>>มีเพียงเจ้าหนูเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเขาจนดึกดื่น
>>>และคืนนี้ความลึกลับทั้งปวงก็ได้รับการคลี่คลาย
>>> > >
>>> > > ตะเกียงน้ำมันก๊าดที่จุดไว้บนโลงค่อยๆหรี่ลงจวนเจียนจะดับ
>>>เขาเติมน้ำมันแล้วจุดใหม่ เปลวไฟโชนแสงวูบวาบ เขาลุกเดินกลับไปกลับมา
>>>ขณะนั้นเองเงาของเขาทาบทอไปปรากฏยังฝาเรือน
>>>เจ้าหนูชี้ไปที่เงาพลางตะโกนลั่น
>>>"นั่นไง พ่อหนูมาแล้ว พอแม่นั่งพ่อก็นั่ง พอแม่ยืนพ่อก็ยืน
>>>คนนั้นแหละพ่อของหนู"
>>> > >
>>> > > ชายหนุ่มมองตามเจ้าหนู เห็นเงาของตัวเองทาบทออยู่ที่ฝา
>>>จึงเข้าใจขึ้นมาในนาทีนั้นเองว่า "พ่อ" ที่เจ้าหนูเอ่ยถึงก็คือ "เงา"
>>>ที่เห็นอยู่นี่เอง ปริศนาทุกอย่างกระจ่างแล้ว
>>> > >
>>> > > เธอ...คงรักเขามากสินะ ถึงขนาดสมมุติให้เงาตัวเองเป็นเขา
>>>แล้วบอกเจ้าหนูว่าเงาก็คือตัวเขา คือ "พ่อ"ที่หายไปในสงคราม
>>>โอ...ไม่น่าเลย
>>> > >
>>> > > ความจริงนี้เจ็บปวดเกินไป เจ็บเกินกว่าหัวใจของคนธรรมดาจะรับไหว
>>>รุ่งขึ้นอีกวัน เขาชดใช้ความผิดพลาดอย่างมหันต์ของตัวเอง
>>>ด้วยการให้แม่น้ำเป็นตุลาการผู้พิพากษาชีวิตเขาอีกชีวิตหนึ่ง...เรื่องราวของเขา
>>>และเธอเป็นโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่เล่าขานกันมาอีกนานนับนาน
>>> > >
>>> > >
>>> > > วันนั้น หลังจากเจ้าหนูพูดถึง "พ่อ"
>>>ของตัวเองให้เขาฟังที่กลางตลาด
>>>หากเขาไม่หุนหันพลันแล่น มีสติสักนิดหนึ่ง ถามไถ่จากเธอว่า "พ่อ"
>>>คนที่เจ้าหนูพูดถึงคือใคร และหลังจากที่เขาเย็นชา ปิดปากเงียบสนิท
>>>หากเธอจะอาจหาญถามเขากลับไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น
>>>เธอก็คงไม่ต้องเจ็บจนเกินเยียวยา
>>>และเขาเองก็คงไม่ต้องจบชีวิตอย่างน่าอนาถเช่นนั้น
>>> > >
>>> > > ไม่ใช่เธอไม่รักเขา และไม่ใช่เขาก็ไม่รักเธอ
>>> > > หากทั้งเธอและเขาต่างรัก ต่างภักดีต่อกันอย่างสุดซึ้ง
>>>ความรักของคนทั้งสองบริสุทธิ์ งดงาม หมดจด
>>>จนกลายเป็นตำนานเล่าขานดังเรื่องราวของวีรบุรุษวีรสตรีผู้พิชิต
>>>ความผิดพลาดหากจะพึงมีบนเส้นทางแห่งรักแท้จนกลายมาเป็นโศกนาฏกรรมของคนทั้งคู่เก
>>>ิดจากเส้นบางๆของปราการแห่ง "ทิฐิ" โดยแท้
>>> > >
>>> > > หากทั้งเธอและเขา ยอมวาง "ทิฐิ" ลง
>>>แล้วหันหน้าเข้าหากันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย
>>>ถามไถ่จากกันและกันอย่างให้เกียรติกันทั้งสองฝ่าย
>>>ไหนเลยจะต้องมาจำพรากทั้งที่ยังรักล้นใจเช่นนั้น รักเอย รักนั้นงดงาม
>>>บริสุทธิ์
>>>อ่อนหวาน ไม่ใช่ความผิดของความรักหรอกจะบอกให้ ผิดที่ใจอันมากด้วย
>>>"ทิฐิ"
>>>ของทั้งคู่นั่นต่างหาก
>>> > >
>>> > > ปรารถนารักที่ยั่งยืนหมื่นปี อย่าให้มี "ปราการแห่งทิฐิ"
>>>มากางกั้นแค่นั้นพอ........