Author Topic: เรื่องจริง }} พี่สาวกับน้องชาย  (Read 13672 times)

0 Members and 1 Guest are viewing this topic.

Offline ♥YinƒaniiyCZE#49

  • AFSer Senior
  • *
  • Posts: 275
  • Gender: Female
  • I'm Yinfany of ZINTEAR !!
    • My Facebook
  • Exchange In: Czech Republic
  • Generation: #49 (2010-2011)
ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ

ของฉันมีกัน


จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

"ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด


ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

"ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพ

ก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"


พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้

แล้วพูดว่า

"ผมขโมยเองครับ"

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก พ่อ**้องของฉันไม่หยุด

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชายของฉัน

" ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

แกน่าจะโดนตีให้ตาย **หัวขโมย"

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

" พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

หลายปีผ่านไป

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า " ลูกเราทั้งคู่เรียนดี

เรียนดีมากนะ"
แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

"แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไร

ในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

" ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"


พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

"ทำไมถึงคิด**ๆ อย่างนี้

ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

ทั่วทั้งหมู่บ้าน

เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

" ต้องให้น้องได้เรียนต่อ

ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้ ... วันต่อมาในตอนเช้ามืด

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

ขณะฉันกำลังหลับ

" พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

ผมจะไปหางานทำ

แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

ฉันนั่งอยู่บนเตียง

อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...

ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหามที

่ไซท์ก่อสร้าง ...

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า "มีชาวบ้านมาหาเธอ

อยู่ข้างนอกแน่ะ"

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง


...

ฉันถามเขาว่า

"ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า "ก็ดูผมสิ

สกปรกมอมแมมออกอย่างนี้

ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

" พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"


จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า

"ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็นว่า

หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

"แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า " แม่ไม่ได้จ้างหรอก
น้องชายลูกต่างหาก

วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด "เจ็บมากไหม"

ฉันถาม

"ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ

และ..."

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

พราะฉันหันหน้าหนีเขา

น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมือด้วยกัน


...
แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไปแล้ว

ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม
น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป
...

ขาบอกกับฉันว่า

"พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะ

ผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท


...
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา


วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล


ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า


" ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้

ดูตัวเองซิ

เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

"พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

ส่วนผมมันการศึกษาต่ำ

ถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"


น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .

ฉันบอกกับน้องว่า

"แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."

"ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"

น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...

เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

เขาได้แต่งงานกับสาวชาวนาในหมู่บ้านเดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

" ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" .

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้


"ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม. เพื่อเดินไปเรียน

และเดินกลับบ้าน

วันหนึ่งผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ ... นับจากวันนั้น

ผมสาบานกับตัวเอง

ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

และจะทำดีกับเธอ"


เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก ... "ในโลกใบนี้

คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"



ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้
น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...
จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ
วันในชีวิตของคุณและเขา
คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ
แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง
.. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ
พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน
หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม

ป.ล. ปัจจุบัน  พี่สาวอายุราวๆ 86 ปี ดำรงตำแหน่ง ผู้บริหารใหญ่บริษัท ฮยอนได (เกาหลีใต้)  น้องชายอายุ 83 ปี  ตั้งบริษัท ซัมซุงขึ้นมา

เป็นเรื่องจริง



Credit  : http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=1512846



ป.ล.  ปัจจุบันของเขาไม่รู้นานเท่าไหร่นะ  แต่ตอนนี้ผู้บริหารของบ.ฮยอนได (ที่ไทยรู้จักกันในนามว่า ฮุนได) คือพ่อของชเวซีวอนจากวงซุปเปอร์จูเนียร์   รู้สึกว่าสองท่านนี้จะเป็นย่ากับปู่ของซีวอน    ชีวิตของสองท่านนี้นี้ช่างน่าประทับใจยิ่งนัก  ต่างกับพี่ชายเรากับเรา   เหลือเกิน - -  ทะเลาะกันทู๊กกก ก วัน - -
« Last Edit: April 09, 2010, 05:24:10 PM by ♥YinƒaniiyCZE#49 »
Only MICKEYMAX
หยินฟานี่.'โซวอนเอลฟ์ฮันชินซินเทียร์จองเอเอฟเอสเชค#49

Offline vista054

  • AFSer Graduate
  • *
  • Posts: 744
  • Gender: Male
    • My Facebook
  • Exchange In: Australia
  • Generation: #50 (2011-2012)
OH  MY  GOD ซึ้งมากๆๆเลย

น้องผมมันไม่เป็นแบบนี้เลย  วันๆๆนะโขกสับพี่มันทำงาน

Offline P POR#48

  • AFSer Graduate
  • *
  • Posts: 848
  • Gender: Male
  • AFS POR#48
    • My Facebook
  • Exchange In: Portugal
  • Generation: #48 (2009-2010)
เคยอ่านเล้ว เเต่ก้อซึ้งไม่เคยเปลี่ยนเเปลง T.T





ASSUMPTION  forever AC 126


ไม่สนับสนุนให้ปั้มกระทู้ หรือ ตอบหลายๆเรพ

Offline mixth

  • AFSer Admin
  • *
  • Posts: 700
  • Gender: Male
    • My Facebook
    • My LinkedIn Profile
    • follow mixth on twitter
    • Mixth Network
  • Exchange In: Iceland
  • Generation: #48 (2009-2010)
คนก่อนตั้ง Samsung ไม่ใช่คนยากจนอย่างในเนื้อเรื่องครับ เกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแต่งจากใครสักคนในไทย...

Quote
Lee Byung-chull (February 12, 1910 – November 19, 1987) was the founder of the Samsung Group. He was the son of a wealthy landowning family who used his inheritance to open a rice mill for his first venture. That endeavor was not especially successful so he established a trucking business in Daegu on March 1, 1938, which he named Cheil, the forerunner to Samsung. He attended college at Waseda University in Tokyo, although he did not complete his degree.
~Wikipedia English

ผู้ก่อตั้ง Hyundai ชื่อ Chung Ju-yung หลังจากนั้นลูกชื่อ Chung mong-hun สืบทอดธุรกิจหลังบิดาตนเสียชีวิต ก่อนจะให้ภรรยา Hyun Jeong-eun มารับตำแหน่งแทน

Chung Ju-yung แต่งงานกับ Byeon Jung-seok ตอนที่นางอายุได้สิบหก จากการสืบค้น Byeon Jung-seok และ Lee Byung-chull ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะพี่สาว และน้องชาย
Lee Byung-chull ตายตอนอายุ 77 ปีครับ
« Last Edit: April 09, 2010, 06:39:44 PM by mixth »
AFS Iceland#48 | Rachawinit#38 | Rajavinit Mathayom#29 | EGCO Mahidol #22

Offline ก้อนเมฆ USA#49

  • AFSer Junior
  • *
  • Posts: 213
  • Gender: Male
  • บัส 2 ,, OMG ORD :PP
    • My Facebook
  • Exchange In: United States
  • Generation: #49 (2010-2011)
งงเลย
Alabama รัฐปลวกๆ

Offline ♥YinƒaniiyCZE#49

  • AFSer Senior
  • *
  • Posts: 275
  • Gender: Female
  • I'm Yinfany of ZINTEAR !!
    • My Facebook
  • Exchange In: Czech Republic
  • Generation: #49 (2010-2011)
คนก่อนตั้ง Samsung ไม่ใช่คนยากจนอย่างในเนื้อเรื่องครับ เกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแต่งจากใครสักคนในไทย...

Quote
Lee Byung-chull (February 12, 1910 – November 19, 1987) was the founder of the Samsung Group. He was the son of a wealthy landowning family who used his inheritance to open a rice mill for his first venture. That endeavor was not especially successful so he established a trucking business in Daegu on March 1, 1938, which he named Cheil, the forerunner to Samsung. He attended college at Waseda University in Tokyo, although he did not complete his degree.
~Wikipedia English

ผู้ก่อตั้ง Hyundai ชื่อ Chung Ju-yung หลังจากนั้นลูกชื่อ Chung mong-hun สืบทอดธุรกิจหลังบิดาตนเสียชีวิต ก่อนจะให้ภรรยา Hyun Jeong-eun มารับตำแหน่งแทน

Chung Ju-yung แต่งงานกับ Byeon Jung-seok ตอนที่นางอายุได้สิบหก จากการสืบค้น Byeon Jung-seok และ Lee Byung-chull ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะพี่สาว และน้องชาย
Lee Byung-chull ตายตอนอายุ 77 ปีครับ


เย้ยย จริงอ่ะ  แต่เห็นเค้าบอกกันมาจากบอร์ดเอเชีนว่าเป็นเรื่องของคุณย่าของซีวอน  =  =;;
Only MICKEYMAX
หยินฟานี่.'โซวอนเอลฟ์ฮันชินซินเทียร์จองเอเอฟเอสเชค#49

Offline brian :)

  • AFSer Senior
  • *
  • Posts: 418
  • Gender: Male
  • Brian GER49 NH
    • My Facebook
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #49 (2010-2011)
555555555555555 FW เต็มเลยเรื่องแบบนี้
สรุป ยังไง ? 55
Bus 1 Germany'49

Miz u EU 2 แคมป์ !~

Offline Cpt. Waramit

  • AFSer Novice
  • *
  • Posts: 19
  • Gender: Male
  • Who Dares Wins
  • Exchange In: United States
  • Generation: #49 (2010-2011)
อิจฉาคนมีพี่มีน้อง
"The only thing necessary for the triumph of evil is for good men to do nothing."-Edmund Burke

"Just smile and everything will be alright"- Lt.Col. Eva Paulson

"Everyone born with the same rights

Everyone have a rights to life, freedom and happiness

If the goverment fails to give the citizen these rights

People can make anew goverment"
- A part of United State of Amarica's Declaration of Independent

Offline mixth

  • AFSer Admin
  • *
  • Posts: 700
  • Gender: Male
    • My Facebook
    • My LinkedIn Profile
    • follow mixth on twitter
    • Mixth Network
  • Exchange In: Iceland
  • Generation: #48 (2009-2010)
คนก่อนตั้ง Samsung ไม่ใช่คนยากจนอย่างในเนื้อเรื่องครับ เกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแต่งจากใครสักคนในไทย...

Quote
Lee Byung-chull (February 12, 1910 – November 19, 1987) was the founder of the Samsung Group. He was the son of a wealthy landowning family who used his inheritance to open a rice mill for his first venture. That endeavor was not especially successful so he established a trucking business in Daegu on March 1, 1938, which he named Cheil, the forerunner to Samsung. He attended college at Waseda University in Tokyo, although he did not complete his degree.
~Wikipedia English

ผู้ก่อตั้ง Hyundai ชื่อ Chung Ju-yung หลังจากนั้นลูกชื่อ Chung mong-hun สืบทอดธุรกิจหลังบิดาตนเสียชีวิต ก่อนจะให้ภรรยา Hyun Jeong-eun มารับตำแหน่งแทน

Chung Ju-yung แต่งงานกับ Byeon Jung-seok ตอนที่นางอายุได้สิบหก จากการสืบค้น Byeon Jung-seok และ Lee Byung-chull ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะพี่สาว และน้องชาย
Lee Byung-chull ตายตอนอายุ 77 ปีครับ

เย้ยย จริงอ่ะ  แต่เห็นเค้าบอกกันมาจากบอร์ดเอเชีนว่าเป็นเรื่องของคุณย่าของซีวอน  =  =;;

http://www.hyundaigroup.com/eng/hyundai/ceo.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Chung_Ju-yung

Lee Byung-chull, the Sansung founder (February 12, 1910 – November 19, 1987) 1987-1910=77 years
AFS Iceland#48 | Rachawinit#38 | Rajavinit Mathayom#29 | EGCO Mahidol #22

Offline vista054

  • AFSer Graduate
  • *
  • Posts: 744
  • Gender: Male
    • My Facebook
  • Exchange In: Australia
  • Generation: #50 (2011-2012)
ตกลงเรื่องจริงหรือเปล่า

Offline P POR#48

  • AFSer Graduate
  • *
  • Posts: 848
  • Gender: Male
  • AFS POR#48
    • My Facebook
  • Exchange In: Portugal
  • Generation: #48 (2009-2010)
คนก่อนตั้ง Samsung ไม่ใช่คนยากจนอย่างในเนื้อเรื่องครับ เกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแต่งจากใครสักคนในไทย...

Quote
Lee Byung-chull (February 12, 1910 – November 19, 1987) was the founder of the Samsung Group. He was the son of a wealthy landowning family who used his inheritance to open a rice mill for his first venture. That endeavor was not especially successful so he established a trucking business in Daegu on March 1, 1938, which he named Cheil, the forerunner to Samsung. He attended college at Waseda University in Tokyo, although he did not complete his degree.
~Wikipedia English

ผู้ก่อตั้ง Hyundai ชื่อ Chung Ju-yung หลังจากนั้นลูกชื่อ Chung mong-hun สืบทอดธุรกิจหลังบิดาตนเสียชีวิต ก่อนจะให้ภรรยา Hyun Jeong-eun มารับตำแหน่งแทน

Chung Ju-yung แต่งงานกับ Byeon Jung-seok ตอนที่นางอายุได้สิบหก จากการสืบค้น Byeon Jung-seok และ Lee Byung-chull ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะพี่สาว และน้องชาย
Lee Byung-chull ตายตอนอายุ 77 ปีครับ

เย้ยย จริงอ่ะ  แต่เห็นเค้าบอกกันมาจากบอร์ดเอเชีนว่าเป็นเรื่องของคุณย่าของซีวอน  =  =;;

http://www.hyundaigroup.com/eng/hyundai/ceo.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Chung_Ju-yung

Lee Byung-chull, the Sansung founder (February 12, 1910 – November 19, 1987) 1987-1910=77 years

พี่มิกส์เป็นโคนันไปเเล้วเหรอ ความจิงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ฮ่าๆ





ASSUMPTION  forever AC 126


ไม่สนับสนุนให้ปั้มกระทู้ หรือ ตอบหลายๆเรพ

Offline Mint" Ger49.

  • AFSer Junior
  • *
  • Posts: 151
  • Gender: Female
  • เยอรมันเจ๋งป้ะ?
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #49 (2010-2011)
ชอบจังงง

ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง แต่สำหรับเราก็ได้ข้อคิดดีๆแล้วละ : D

ขอบใจจ้าา
Kassel~! =)

Offline brian :)

  • AFSer Senior
  • *
  • Posts: 418
  • Gender: Male
  • Brian GER49 NH
    • My Facebook
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #49 (2010-2011)
^
^
คนที่ไปเยอร์มันคิด + เสมอ 55555555
Bus 1 Germany'49

Miz u EU 2 แคมป์ !~

Offline mixth

  • AFSer Admin
  • *
  • Posts: 700
  • Gender: Male
    • My Facebook
    • My LinkedIn Profile
    • follow mixth on twitter
    • Mixth Network
  • Exchange In: Iceland
  • Generation: #48 (2009-2010)
คนก่อนตั้ง Samsung ไม่ใช่คนยากจนอย่างในเนื้อเรื่องครับ เกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแต่งจากใครสักคนในไทย...

Quote
Lee Byung-chull (February 12, 1910 – November 19, 1987) was the founder of the Samsung Group. He was the son of a wealthy landowning family who used his inheritance to open a rice mill for his first venture. That endeavor was not especially successful so he established a trucking business in Daegu on March 1, 1938, which he named Cheil, the forerunner to Samsung. He attended college at Waseda University in Tokyo, although he did not complete his degree.
~Wikipedia English

ผู้ก่อตั้ง Hyundai ชื่อ Chung Ju-yung หลังจากนั้นลูกชื่อ Chung mong-hun สืบทอดธุรกิจหลังบิดาตนเสียชีวิต ก่อนจะให้ภรรยา Hyun Jeong-eun มารับตำแหน่งแทน

Chung Ju-yung แต่งงานกับ Byeon Jung-seok ตอนที่นางอายุได้สิบหก จากการสืบค้น Byeon Jung-seok และ Lee Byung-chull ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะพี่สาว และน้องชาย
Lee Byung-chull ตายตอนอายุ 77 ปีครับ

เย้ยย จริงอ่ะ  แต่เห็นเค้าบอกกันมาจากบอร์ดเอเชีนว่าเป็นเรื่องของคุณย่าของซีวอน  =  =;;

http://www.hyundaigroup.com/eng/hyundai/ceo.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Chung_Ju-yung

Lee Byung-chull, the Sansung founder (February 12, 1910 – November 19, 1987) 1987-1910=77 years

พี่มิกส์เป็นโคนันไปเเล้วเหรอ ความจิงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ฮ่าๆ
เกิดจากความเจ็บใจ เพราะครั้งแรกที่ได้เมล์นี้ก็น้ำตาคลอเลยล่ะ แต่อ่านไปอ่านมา แปลกๆกลิ่นตุๆ ก็เลยลองหาข้อมูลดูนิดๆหน่อยๆ แต่อย่างว่า เรื่องนี้อ่านแล้วได้ข้อคิดก็ดีหรอก แล้วถ้าคนแต่งคนนี้ไม่ใส่ว่า "คนสองท่านนี้มีความสำคัญบลาๆ" มันก็อาจจะทำให้คนไม่สนใจ ส่วนถ้าไม่ใส่ว่า "เป็นย่าของดาราคนโน้นคนนี้" คนอีกกลุ่มก็ไม่สนใจอีก...

(รู้สึกไอ้เราแหวกแนวมาก ปกติเรื่องดีๆก็ไม่เห็นต้องสืบเลยนิเนอะ q: )
AFS Iceland#48 | Rachawinit#38 | Rajavinit Mathayom#29 | EGCO Mahidol #22

Offline brian :)

  • AFSer Senior
  • *
  • Posts: 418
  • Gender: Male
  • Brian GER49 NH
    • My Facebook
  • Exchange In: Germany
  • Generation: #49 (2010-2011)
คนก่อนตั้ง Samsung ไม่ใช่คนยากจนอย่างในเนื้อเรื่องครับ เกรงว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องแต่งจากใครสักคนในไทย...

Quote
Lee Byung-chull (February 12, 1910 – November 19, 1987) was the founder of the Samsung Group. He was the son of a wealthy landowning family who used his inheritance to open a rice mill for his first venture. That endeavor was not especially successful so he established a trucking business in Daegu on March 1, 1938, which he named Cheil, the forerunner to Samsung. He attended college at Waseda University in Tokyo, although he did not complete his degree.
~Wikipedia English

ผู้ก่อตั้ง Hyundai ชื่อ Chung Ju-yung หลังจากนั้นลูกชื่อ Chung mong-hun สืบทอดธุรกิจหลังบิดาตนเสียชีวิต ก่อนจะให้ภรรยา Hyun Jeong-eun มารับตำแหน่งแทน

Chung Ju-yung แต่งงานกับ Byeon Jung-seok ตอนที่นางอายุได้สิบหก จากการสืบค้น Byeon Jung-seok และ Lee Byung-chull ไม่มีความเกี่ยวข้องกันในฐานะพี่สาว และน้องชาย
Lee Byung-chull ตายตอนอายุ 77 ปีครับ

เย้ยย จริงอ่ะ  แต่เห็นเค้าบอกกันมาจากบอร์ดเอเชีนว่าเป็นเรื่องของคุณย่าของซีวอน  =  =;;

http://www.hyundaigroup.com/eng/hyundai/ceo.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Chung_Ju-yung

Lee Byung-chull, the Sansung founder (February 12, 1910 – November 19, 1987) 1987-1910=77 years

พี่มิกส์เป็นโคนันไปเเล้วเหรอ ความจิงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ฮ่าๆ
เกิดจากความเจ็บใจ เพราะครั้งแรกที่ได้เมล์นี้ก็น้ำตาคลอเลยล่ะ แต่อ่านไปอ่านมา แปลกๆกลิ่นตุๆ ก็เลยลองหาข้อมูลดูนิดๆหน่อยๆ แต่อย่างว่า เรื่องนี้อ่านแล้วได้ข้อคิดก็ดีหรอก แล้วถ้าคนแต่งคนนี้ไม่ใส่ว่า "คนสองท่านนี้มีความสำคัญบลาๆ" มันก็อาจจะทำให้คนไม่สนใจ ส่วนถ้าไม่ใส่ว่า "เป็นย่าของดาราคนโน้นคนนี้" คนอีกกลุ่มก็ไม่สนใจอีก...

(รู้สึกไอ้เราแหวกแนวมาก ปกติเรื่องดีๆก็ไม่เห็นต้องสืบเลยนิเนอะ q: )
ถูกเลย ๆ
Bus 1 Germany'49

Miz u EU 2 แคมป์ !~