เหตุการทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี มันควรเปนวันที่ผมมีความสุข
ก็เจงๆนะผมมีความสุขมากวันนี้เรารู้จักกันมากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่
สิ่งที่ผมไม่ได้คิดมันเกิดขึ้นต่อมา ผมให้เธอดูรูปในกล้องของผม
แต่ผมลืมย้ายรูปๆนึงออกจากไฟล มันเป็นรูปคนๆนึงที่ผมเคยชอบ
ซรึ่งตอนนี้เราไม่ได้เปนอะไรกันแล้วจริงๆ เพราะเธอก็ชอบคนอื่น
ที่ไม่ใช่ผม ผมปลงไปแล้วเรื่องนี้ Aเหนรูปนั้นแล้วถาม ว่านี้แฟนหรอ
ผมเหวอ ทันที อืมก็เกือบๆ ผมเลยบอกเธอไปว่า เคยนะแต่คงไม่ใช่
แล้ว ผมบอกเธอว่า ผมหน่ะมันน่าเบื่อไร้สาระแล้วก็น่ารำคาญเกินไป
เธอก็บอกไม่นะ ท่าผมเปนขนาดนั้นแฟนเก่าเธอคงยิ่งกว่า แฟนเก่า?
เธอหยิบรูปของผู้ชายคนที่ว่านี้ให้ผมดู ให้ตายดิ้น มันเป็นรูปเด็กผู้ชาย
ในชุดคอมแบตของบุนเดสแวร์ ใช่แล้ว เขาเป็นทหารเกณนั้นเอง
ตอนนี้เขาอยู่ที่โคโซโว ประเทศเล็กๆในยุโปรตะวันออกที่สนธิสัญญา
นาโต้ยังมีหน่วยทหารของยุโรปรักษาความมั่นคงของประเทศนี้อยู่
ผช็อคนะตอนนั้นผมเทียบหมอนี้ไม่ได้เลย แมร่งทั้งหล่อทั้งแมน
ผมไม่ได้ตั้งใจอยากจะรู้เท่าไหร แต่เธอบอกว่าพวกเขาเลิกกัน ใน
ช่วงสัปดาห๋ก่อนวาเลนไทน์ ผมไม่ได้สังเกตหน้าเธอตอนนั้น ผมก็
บอกทำไมมันเศร้าจัง แล้วเลิกเพราะอะไรหล่ะผมไม่น่าถามนะคำถามนี้
ผมไม่น่าถามจริงๆ ผมหันมามองเธอเธอนิ่งๆมองจ้องที่รูปใบนั้น
ผมไม่เคยเหนเธอเปนแบบนี้มาก่อน เธอเงียบไปน้ำตาเหมือนจะไหล
นี้ไม่ใช่Aคนที่ผมเคยเหนมาก่อน เธอเหมือนจะร้องไห้ ทั้งๆที่เมื่อก่อน
ผมไม่เคยเหนด้านนี้ของเธอก็เลยไม่รู้ ปรกติเธอจะมีแต่รอยยิ้ม
ผมตกใจหน้าผมซีดไปเลย เธอเงยหน้ามามองผมทำเหมือนฝืนจะยิ้ม
แล้วบอกว่า He want to be in the army,and he don t want to
put me through it ผมไม่อยากรู้ที่เหลือผมเลยบอกเธอว่า เขา
คงเปนคนดีมากสินะ เธอไม่ได้ตอบอะไรผม เธอเกบรูปเข้ากระเป๋า
แล้วทำเปนยิ้มอีกครั้ง ผมจับใจความได้เองและพอรู้ว่า เขาคนนั้น
คงอยากจะอยู่ต่อกับกองทัพเลยไม่อยากให้เธอที่กำลังเรียนอยู่
ต้องมาคอยยกังวลถึง ต้องมาคอยเปนห่วง ผมยิ่งรู้จักเธอ ก็ยิ่ง
ทำให้ผมรู้สึกเหมือนผมไม่รู้จักเธอเลย ผมไม่เคยเหนเธอเปนแบบ
นี้ ไม่เคยเหนเธอนิ่ง แล้วเหมือนจะร้องไห้แบบนี้มาก่อน
ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ผมสนใจว่าเธอยังรักเขาอยู่รึปล่าว ปัญหาไม่ได้
อยู่ที่ตอนนี้เธอคิดกับผมยังไง ผมมองย้อนกลับมาดูตัวเองว่าตอนนี้
เวลานี้ ผมอยู่ที่นี้ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน ผมอยู่ที่นี้แค่เวลาสั้นๆ
ผมอาจลืมนึกถึงจุดๆนี้ไป ไม่สิผมนึกมาตลอด แต่ผมไม่เคยเคร์
ไม่เคยสนจนเหนสภาพของเธอวันนี้ ผู้หญิงที่ผมคิดว่าคงมีแต่ความสุข
ในชีวิตเธอ นั่งจ้องนิ่งไปที่รูปถ่ายใบนึง เหมือนจะร้องไห้ และเปน
ครั้งแรก ที่ผมเหนเธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ผมมันเห็นแก่ตัว ที่ไม่เคย
คิดด้านของเธอมาก่อน ประวัติศาสตร์มันเกือบจำซ้ำรอยเดิม ทั้งของ
เธอและของผม ผมเองเคยเปนแบบนี้มาก่อน เรื่องมันยาว แต่บอกได้
เลย เชื่อผมเถอะมันไม่ได้จบสวยหรุนัก มันเจ็บแทบตายเลย มันเป็น
สาเหตหนึ่งที่พลักผมให้หนีมาอยู่นี้ให้ไวที่สุดนี้หล่ะ ที่ผมบอกว่ามัน
เกือบจะซ้ำรอย มันอาจเป็นการด่วนสรุปไปของผมก็ได้ แต่เธอพุดเรื่อง
นี้กับผม มันคิดได้สองแบบ ท่าผมเข้าข้างตัวเองนั้นก็หมายความว่าเธอ
เริ่มมีใจให้ผมเลยกล้าบอกเรื่องแบบนี้ อีกมุมนึง ผมกลายไปเปนเพื่อนสนิท
ของเธอไปแล้วเธอจึงเชื่อใจผม พอที่จะบอก แต่ไอ้เรื่องนี้ไม่สำคัญกับ
ผมเลยเทียบกับความรู้สึกของเธอ ความสุขของผมมันไม่สำคัญเลย
เทียบกับเธอ ผมยอมได้ทุกอย่างขอแค่อย่าให้เธอเปนแบบวันนี้อีก
อยากให้มองจากมุมลึกๆมุมนึง ว่าท่าสมมุติเรื่องนี้มันไปได้สวยจน
ผมกับเธอเปนแฟนกันจริงๆ ซึ่งผมบอกได้เลยโอกาศมันเกินครึ่งมา
แล้ว แล้วจนวันนึงผมต้องกลับไปไทย ไปเผชิญหน้ากับความเปนจริง
ของชีวิตผม ชีวิตที่ผมหนีให้ตายก็หนีไม่พ้น ผมมีหน้าที่มีความฝันให้
ตาม ความฝันที่มันคงไม่ต่างอะไรนัก จากแฟนเก่าของเธอ และไม่
รู้ว่าชีวิตนี้จะมีโอกาศได้กลับไปเจอเธออีกไหม มันเจ็บนะ เจ็บมาก
กับความไม่แน่ไม่นอนของชีวิต มันทรมานมากกว่าการ ฆ่ากันให้ตาย
ซึ่งๆหน้าเสียอีก แต่ในตอนที่คุยกับเธอนั้นผมยังไม่ได้คิดเรื่องนี้หรอก
ผมยังช็อคและพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย พยายามหาอะไรที่ทำให้เธอ
กลับมายิ้มอีกรอบ แต่ดูแล้วมันแทบไม่มีทางเลย เธอซึมไปกับหนัง
สือ ผมเลยหยิบหนังสือแล้วบอกเธอว่าไปกินน้ำมะนาวกันดีกว่า เธอ
ฝืนยิ้ม แล้วคว้าหนังสือสองเล่มที่จะเอาไปอ่าน เราเดินออกมาจาก
ห้องสมุด ผมไม่ทันได้สังเกตท้องฟ้า เราซื้อน้ำมะนาว ขอบอกว่าแพง
บรมเลยหล่ะ แต่ผมไม่เคยลืมสัญญาที่เราให้กันไว้ ว่าครั้งต่อมาผมต้อง
ออกเเงินให้เธอ ผมรีบคว้าเงินชิงจ่ายตัเหน้าเธอ เธอยิ้มอีกหล่ะ แต่มัน
ก็ดูเปนยิ้มที่หมองๆ ผมก็หมองไม่แพ้กับเธอ ไม่ใช่ว่าค่าน้ำมะนาวมันแพง
หรอกนะ แต่ให้ตายเหอะ ผมไม่สบายใจเลยที่เหนเธอเปนแบบนี้ เราเดิน
กันไปคุยกันไป แต่มันก็ดูไม่ค่อยจะสนุกเท่าไหร่ จนจะถึงป้ายรถเมล์
ฝนก็เทตกลงมา เข้ากับบรรยากาศมาก ผู้คนเริ่มหลบเข้าร่มกันแล้ว มัน
ก็ตกไม่หนักหรอกนะ แต่มันก็คงทำให้เปนหวัดเอาได้หล่ะ ผมหน่ะใส่แค่
เสื้อยืด ผมจูงมือเธอไปที่ป้ายรถเมล์ และคนก็เยอะเหลือเกิน เหมือนไอ้วัน
เกิดเธอเเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนไม่มีผิด ที่มันแคบ ผมให้เธอหลบเข้าไปใน
ร่มให้ได้ก่อน ผมนะ เดินออกมารับฝนเต็มๆ ตอนนั้นผมก็เฮริทนะ ไม่รู้
เปนบ้าอะไรด้วย คงอยากเปนพระเอกเอ็มวีหล่ะมั้ง เธอเคาะกระจกแล้ว
บอกให้เข้ามาหลบสะ ผมส่ายหน้า เธอเดินออกมาจูงมือผมกลับเข้าไป
ในร่ม เรายืนติดกันแต่ผมไม่กล้ามองหน้าเธอ ผมไม่อยากให้เธอเหนว
แววตาตอนนั้นเลย แววตาผมมันคงบอกทุกสิ้งที่ผมคิดกับเธอไปจนหมด
เธอบอกผมว่าแล้วผมจะกลับบ้านยังไงหล่ะท่าฝนตก ผมบอกเธอว่า
ผมจะรอจนกว่ารถเมล์ของเธอจะมาแล้วจะกลับไปทั้งอย่างนี้หล่ะ
เธอส่ายหน้าแล้วบอก ผมบ้าหรือปล่าว เดียวก็ไม่สบายตอนวันหยุด
ยาวหรอก ผมยักไหล่ เธอยิ้มแล้วบอกว่า ท่าไม่สบายอาทิตย์หน้า
ใครจะเอาหนังสือมาคืนกับเธอหล่ะ เธอบอกเธออ่านหนังสือสี่ร้อย
หน้าวันเดียวก็จบแล้ว ผมก็ยิ้ม แล้วบอกว่าต่อให้ผมไม่สบายแค่ไหน
ท่ามีเพื่อนมาห้องสมุดกับผม ผมก็จะฝืนมา เรายืนนิ่งไม่ได้พูดอะไร
กันเธอพยายามชวนผมคุย แต่ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร บรรยากาศมันเปลี่ยน
ไปเลยจริงๆ ผมอธิบายไม่ถูก จนรถเมล์ของเธอมาผมกอดเธอ กอดในที่
นี้คือการกอดแบบบอกลาธรรมดา ในฐานะที่ยังเปนเพื่อน เพราะเธอ
ยังไม่รู้หรอกว่าผมคิดยังไงกับเธอ เพราะผมยังไม่ได้บอก
และก็คงไม่คิดว่าจะบอกมันกับเธอเร็วๆนี้ เหตการนี้ทำเอาผมช็อค
ไปจริงๆ ผมไม่ต้องการเห็นเธอเป็นแบบวันนี้อีกเลย รอยยิ้มเดิมมัน
หมองไปทันที ผมต้องการเวลาคิดย้อนไปย้อนมา วันนี้ผมเจ็บ
จริงๆ ไม่รู้ทำไม มันดุแล้วไร้สาระ มันเปนเรื่องที่จบไปแล้วของเธอ
แต่มันกลับทำให้ผมคิดมากแทนเธอไปสะอย่างนั้น ผมไม่กล้าจริงๆ
ไม่กล้าที่จะบอกเธอ กลัวว่าบอกไปแล้วมันจะยิ่งทำให้เหตุการนั้น
แย่ลง สับสนโคตรๆเลยครับวันนี้ แผนการใหญ่ที่ว่าก็คงต้องระงับ
ไว้ก่อน อาทิตย์นี้คงต้องถามใจตัวเองอีกที บอกได้เลยนี้เปนเหตุ
การแรกนับแต่มานี้ที่ทำให้ผมหมองลงไปได้ หมองจริงๆ หมอง
เหมือนเมฆฝนในวันนี้ที่มันไม่รู้มาจากไหน วันนี้มันควรเปนวัน
ที่อากาศดีที่สุดสิ ผมตื่นมาตอนเช้าเปนวันแรกเลย ที่ไม่ต้อง
ใส่เสื้อคลุมไปเรียน แต่มันสอนให้จำไว้แม่นๆอย่างหนึ่งว่าในทุกๆ
เครื่องหมายบวกที่มีบนโลก มักมีเครื่องหมายลบตามมาใกล้ๆเสมอ
สมการง่ายๆของชีวิตจริงไม่อิงนิยาย ผมคือหลักฐานที่มีชีวิตเลย
หล่ะ เปนวันแรกจริงๆที่เกือบจะร้องไห้นับแต่วันที่บินมานี้